แองเจิล ฯ โบรกเกอร์จีนอ่วม แตกไลน์เจาะทุนอุตสาหกรรม

20 ก.พ. 2563 | 09:31 น.

แองเจิล เรียลเอสเตท ผู้นำโบรกเกอร์โควต้าต่างชาติ เผยไวรัส โควิด-19 ฉุดลูกค้าจีนหดตัวซ้ำ หวั่นอาจทิ้งดาวน์ ทิ้งโอนเพิ่ม ชี้ช่อง"Blue Ocean"คอนโดฯปรับไซส์ ปรับราคาฝ่าวิกฤต พร้อมแนะกลยุทธ์ "Leasehold" ตลาดบ้านพร้อมที่ดิน เจาะกลุ่มเป้าหมายขนาดใหญ่ขึ้น ตั้งเป้าปี 2563 โกยรายได้เฉียดหมื่นล้าน พร้อมแตกไลน์ไทยโควต้า และ เจาะกลุ่มทุนอุตสาหกรรม

นายไซม่อน ลี ประธานกรรมการบริษัท แองเจิล เรียลเอสเตท  คอนซัลแทนซี่ จำกัด  หรือ ARE บริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดและขายชั้นนำของประเทศไทย โดยเฉพาะโควตาต่างประเทศ  เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดของกลุ่มลูกค้าต่างประเทศที่เข้ามาซื้อโครงการคอนโดมิเนียมในไทยว่า  สถานการณ์ในปี 2563 คาดว่ากลุ่มผู้ซื้อจากประเทศจีนจะยังชะลอตัวลดลงต่อเนื่องจากปี 2562  ซึ่งเป็นผลจากข้อพิพาทเรื่องการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศจีน  ได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ทำให้ระบบการเงินประสบปัญหาเช่นกัน และกฎเกณฑ์ LTV ทำให้ผู้ลงทุนหรือลูกค้า ชะลอการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย

ประกอบกับช่วงเดือนมกราคม 2563 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ได้เกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019(โควิด-19) ที่เมืองอู่ฮั่น เมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย ประเทศจีน มีผลกระทบในหลายด้าน เพราะเราถูกประเทศจีนปิดเมือง ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากโครงสร้างลูกค้าหลักของบริษัทแองเจิลฯ ประมาณ 50% มาจากจีน รองลงมา 40% มาจากประเทศโซนเอเชีย และอีก 10% มาจากทวีปยุโรป

ทำให้ต้องปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ได้แก่ การขยายตลาดจากประเทศไทย ไปสู่กลุ่มการเพิ่มฐานลูกค้าในประเทศอื่นที่มีศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็นการ สร้างพอร์ตธุรกิจในประเทศญี่ปุ่น , มาเลเซีย , บรูไน และประเทศตุรกี  โดยแต่ละประเทศจะทำการตลาดที่แตกต่างกัน

แองเจิล ฯ โบรกเกอร์จีนอ่วม  แตกไลน์เจาะทุนอุตสาหกรรม

ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในไทย แม้ขณะนี้จะได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากเชื้อไวรัสโควิด19 ที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้แย่เข้าไปอีก ลูกค้าจีนหายไป แต่การที่ประเทศไทยยังเปิดรับนักท่องเที่ยวจากจีน ไม่ปิดกั้นเหมือนบางประเทศ ทำให้คนจีนยิ่งประทับใจความเป็นบ้านพี่เมืองน้อง ซึ่งเมื่อเหตุการณ์ไวรัสโควิด-19จบสิ้นแล้ว จากข้อมูลที่ได้รับมา คนจีนหรือแม้แต่ชาวสิงคโปร์ เริ่มมองและต้องการมีบ้านหลังที่สองในไทย เพื่อรองรับครอบครัวของตนเองที่จะเข้ามาพักผ่อนในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ และเป็นโอกาสดีที่บริษัทจะเข้าไปขยายตลาด ในกลุ่มลูกค้าที่ต้องการมีบ้านในไทย ในรูปแบบสัญญาเช่าระยะยาว (ลีสโฮลด์)  30 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายแห่ง แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อ หรือรายละเอียดทั้งหมดได้ รวมทั้งมีแผนหันมาทำตลาดกับกลุ่มลูกค้าคนไทยมากขึ้น หากราคาขายห้องชุดปรับลดลงมากกว่านี้ ก็จะเหมาะกับตลาดลูกค้ากลุ่มคนไทยได้

นอกจากนี้ ตนเองได้ขยายธุรกิจใหม่ เป็นนายหน้าเจรจากับเจ้าของธุรกิจหรือเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆย้ายฐานการผลิตมาประเทศไทย เนื่องจากโรงงานต่างๆไม่ว่าจะเป็นบริษัทจีน ญี่ปุ่น และไต้หวัน ที่มีโรงงานอยู่ในประเทศจีน จะเจออุปสรรคในเรื่องของเทรดวอร์ เนื่องจากสหรัฐฯมีมาตรการเรื่องกำแพงภาษีสูงถึง 20% ขณะที่พื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมในไทยยังมีจำนวนมาก เพียงพอรองรับการย้ายฐานการผลิตจากต่างประเทศได้จำนวนมาก 

สำหรับสถานการณ์ตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลในปี 2563 นั้น คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะในการกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง เนื่องจากความต้องการไม่มี ราคาขายคอนโดมิเนียมปรับสูงขึ้นมาก (Over Price) และสต๊อกในตลาดยังมีปริมาณมาก คาดว่ามีซัพพลายคงค้างในตลาดไม่ต่ำกว่า 200,000 หน่วย ใช้เวลาระบายออกประมาณ 2 ปี เนื่องจากสภาพตลาดและเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย 

แผนธุรกิจของบริษัทแองเจิลฯในปี 2563 จะเปิดตัวทีมงานไทยโควต้าเพื่อรองรับลูกค้าที่ใช้บริการโควต้าต่างชาติไว้แล้ว แต่โควต้าไทยยังขายไม่หมด ซึ่งปัจจุบันมีติดต่อเข้ามาแล้วหลายบริษัท เจาะลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม เพิ่มตลาดต่างชาตินอกเหนือจากประเทศจีน โดยวางเป้ายอดขายคอนโดมิเนียมภายในประเทศไทยประมาณ  900-1,200 ยูนิต มูลค่าการขาย 4,000-5,000 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 2-5 ล้านบาท มีโครงการทั้งในทำเลสุขุมวิท , พระราม9 และเส้นจรัญสนิทวงศ์ 70 เป็นต้น โดยบริษัทจะทำตลาดในพื้นที่กรุงเทพฯ จังหวัดเชียงใหม่ และเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี

"หากกลยุทธ์ในการขยายตลาดในธุรกิจใหม่ๆประสบความสำเร็จทั้งในประเทศ และรวมกับจากต่างประเทศ ก็คาดว่าในปีนี้ทั้งกลุ่มจะมียอดขาย 8,000-9,000 ล้านบาท"