อว.-สวทช. ปฏิวัติสตรีทฟู้ด ยกระดับร้านค้าริมทาง

16 ก.พ. 2563 | 05:41 น.

ภาครัฐผนึกกำลัง เปิดตัว “รถเข็นรักษ์โลกเพื่อสตรีทฟู้ด” สะอาดปลอดภัย ถูกสุขลักษณะ นำร่อง 100 คันแรกหวังยกระดับร้านค้าริมทาง ขณะที่รัฐบาลพร้อมสนับสนุนผู้สนใจ ฟากธนาคารออมสินรับลูกพร้อมปล่อยกู้แก่ผู้ประกอบการ

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการสตรีทฟู้ดถือเป็นผู้ประกอบการเศรษฐกิจฐานรากที่เป็นกลไกสำคัญในการต่อยอดเศรษฐกิจมหภาค สตรีทฟู้ดคือธุรกิจที่เป็นแหล่งรายได้สำคัญของผู้จำหน่ายอาหารในทุกระดับ ตั้งแต่หาบเร่ รถเข็น จนถึงที่เติบโตมีหน้าร้านขายเป็นกิจลักษณะ ข้อมูลในปี 2560 พบว่ามี ธุรกิจร้านอาหารริมทาง หรือ Street Food ของไทยมากกว่า 103,000 ร้านทั่วประเทศ คิดเป็นมูลค่าตลาดสูงกว่า 270,000 ล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มว่าจะขยายตัวมากขึ้นทุกปี โดยปัจจุบันธุรกิจสตรีทฟู้ดของไทยเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 6 - 7 และมีแนวโน้มเติบโตขยายตัวถึง 10% จากการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก ประกอบกับสตรีทฟู้ดจะมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 10 – 20% ในอีก 5 - 10 ปีข้างหน้า ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการผลักดันธุรกิจร้านอาหารริมทางหรือสตรีทฟู้ดของประเทศไทย ให้กลายเป็นอุตสาหกรรมที่สมบูรณ์แบบและเป็นประเทศแห่งมหาอำนาจทางอาหาร ซึ่งถือเป็นการร่วมมือระหว่างศูนย์บริการปรึกษาการออกแบบและวิศวกรรม (DECC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

อว.-สวทช. ปฏิวัติสตรีทฟู้ด ยกระดับร้านค้าริมทาง

ทั้งนี้จึงได้ริเริ่มและคิดค้นหาทางยกระดับสตรีทฟู้ดไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับเศรษฐกิจฐานราก โดยการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) เข้ามาช่วยยกระดับมาตรฐานทั้งด้านคุณภาพและความปลอดภัยในการบริโภคอาหาร สุขอนามัยและความสะอาดของร้านและผู้ปรุงอาหาร รวมถึงคุณภาพของการให้บริการ และความอร่อย ให้สอดคล้องกับนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้ก้าวเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล โดย อว. เล็งเห็นว่า BCG Economy Model จะสามารถยกระดับสตรีทฟู้ดได้ในหลากหลายมิติ เพราะ BCG จะเป็นกลไกที่มีศักยภาพสูงในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในประเทศอย่างทั่วถึง สามารถกระจายโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันสร้างให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกในบางสาขาที่ประเทศไทยมีศักยภาพได้

อว.-สวทช. ปฏิวัติสตรีทฟู้ด ยกระดับร้านค้าริมทาง

 “เพื่อเป็นการตอบรับกระแสการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหาร หรือ “Gastronomic Tourism” รัฐบาลได้ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) ซึ่งจัดเป็น 1 ในรายจ่าย 3 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกชื่นชอบ ซึ่งพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะชื่นชอบอาหารไทย และปัจจุบันนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มชื่นชอบอาหารสตรีทฟู้ด และอาหารท้องถิ่น (Local Food) ของไทยมากขึ้นทุกปี”

อว.-สวทช. ปฏิวัติสตรีทฟู้ด ยกระดับร้านค้าริมทาง

ด้าน ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า จากการสำรวจพบว่าผู้บริโภค 76% ซื้ออาหารสตรีทฟู้ดบริโภคเป็นประจำ โดยสตรีทฟู้ดเป็นไฮไลท์ด้านวัฒนธรรมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาท่องเที่ยวประเทศไทย ให้มาลิ้มลองอาหารไทยที่มีความหลากหลาย โดดเด่นทั้งในเรื่องของรสชาติ ที่เป็นแบบดั้งเดิม อร่อยแบบไทย ๆ รวมไปถึงการที่ได้เห็นทักษะ ลีลา และเทคนิคที่ใช้ในการประกอบอาหาร ที่นักท่องเที่ยวไม่เคยพบเห็นมาก่อน

อว.-สวทช. ปฏิวัติสตรีทฟู้ด ยกระดับร้านค้าริมทาง

“สวทช. โดย ศูนย์บริการปรึกษาการออกแบบและวิศวกรรม (DECC) ได้ดำเนินการพัฒนานวัตกรรมรถเข็นรักษ์โลกในเวอร์ชันที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำเร็จแล้วในวันนี้ และยังมีเป้าหมายส่งมอบนวัตกรรมรถเข็นรักษ์โลก จำนวนไม่น้อยกว่า 100 คัน ให้กับผู้ประกอบการสตรีทฟู้ดได้ใช้งานจริงในการประกอบกิจการ อีกทั้งยังมีการสนับสนุนงบประมาณบางส่วนเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระผู้ประกอบการและกระตุ้นให้เกิดการใช้งานจริงในภาคอุตสาหกรรม โดยวางรูปแบบการพัฒนาแบ่งเป็น 4 โมเดลหลักเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้ประกอบการสตรีทฟู้ด ดังนี้ 1) รถเข็นน้ำหนักเบาพร้อมระบบน้ำดี, ถังบำบัดและซิงค์น้ำ 2) รถเข็นน้ำหนักเบาพร้อมระบบน้ำดี, ถังบำบัดและซิงค์น้ำ +ระบบดูดควัน 3) รถเข็นน้ำหนักเบาพร้อมระบบน้ำดี, ถังบำบัดและซิงค์น้ำ+ ระบบดูดควัน + หัวเตาแก๊ส 2 หัว และ 4) ระบบตู้เก็บความเย็นพร้อมแท่นรับพ่วงข้าง ซึ่งภายใต้โครงการนี้ สวทช. จะทำให้ราคาเป้าหมายของรถเข็นนวัตกรรรมรักษ์โลก เป็นราคาที่ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงได้”

 

อว.-สวทช. ปฏิวัติสตรีทฟู้ด ยกระดับร้านค้าริมทาง

ขณะที่ นางปรางมาศ เธียรธนู ผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสิน สายงานลูกค้ารายย่อยและองค์กรชุมชน กลุ่มลูกค้าฐานรากและสนับสนุนนโยบายรัฐ กล่าวเสริมว่า ในโครงการนี้ ธนาคารออมสินจะช่วยแบ่งเบาภาระให้กับผู้ประกอบการ โดยมีงบประมาณสนับสนุนส่วนหนึ่งเพื่อให้ผู้ประกอบการได้ใช้รถเข็นนวัตกรรรมรักษ์โลกนี้ ในราคาเพียง 20,000 บาท และยังมีแคมเปญเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นแคมเปญพิเศษที่จัดขึ้นเพื่อผู้ประกอบการภายในโครงการนี้เท่านั้น จำกัดเพียง 100 รายแรก และคาดว่าในอีกใน 6 เดือนข้างหน้าจะมีบริษัทสตาร์ทอัพเพื่อมาบริหารจัดการรถเข็นรักษ์โลกสู่เชิงพาณิชย์ต่อไป และวางแผนขอการรับรองมาตรฐานที่เกี่ยวข้องในด้านความแข็งแรงและความปลอดภัย เพื่อให้เอกสิทธิ์กับผู้ประกอบการที่ใช้รถเข็นนวัตกรรมรักษ์โลกนี้ ได้มีโอกาสที่มากขึ้นในการหาช่องทำเลตั้งในการค้าขายอาหารริมทาง เช่น ได้มีโอกาสจำหน่ายสินค้าในพื้นที่พิเศษที่เคยเป็นข้อจำกัดของอาหารสตรีทฟู้ด เช่น ในพื้นที่ปิด เช่น ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น