ผ่ามุมคิด
อสังหาฯ รายใหญ่ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) โดยนายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุ สัญญาณขาหลักเศรษฐกิจไทย ตลาดอสังหาริมทรัพย์ซบเซา เหตุงบประมาณปี 2563 ยืดเยื้อ และมีปัจจัยนอกยากควบคุม ประกาศเดินหน้าแผนของกลุ่มธุรกิจลดเสี่ยง ผ่านการจับมือพันธมิตรเหนียวแน่น เลือก 12 โครงการบ้านใหม่ ไร้สร้างสต๊อกคอนโดฯเพิ่มเป็นภาระ พร้อมมุ่งสร้างสภาพคล่องทางการเงิน ลดหนี้ทุกส่วนและตุนที่ดินใหม่ ขณะเดียวกันส่งบริษัทลูกเกาะกระแส เขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี ผุดมิกซ์ยูสระยอง รอโอกาสทัวร์จีนฟื้น
มรสุมรุมเร้า
ภาพรวมตลาดอสังหาฯปีที่แล้ว กระทบหนักจากมาตรการควบคุมสินเชื่อ แอลทีวี ของธปท. ขณะที่สถานการณ์ปีนี้ มีผลพวงต่อเนื่องมาหลายด้าน โดยเฉพาะภาวะทางเศรษฐกิจที่น่ากังวล หลังจาก พ.ร.บ.งบประมาณประจำปียืดเยื้อ ยังไม่ผ่านความเห็นชอบ เป็นปัจจัยกดดันการขับเคลื่อนของธุรกิจ ด้านภาคการส่งออก ยังกระทบจากค่าเงินบาทแข็ง การท่องเที่ยวก็เจอปัจจัยลบใหม่ จากไวรัสโคโรนา ส่งผลให้รายได้อีกขาหลักลดลง ซึ่งภาคดังกล่าวเปรียบเป็นต้นน้ำของทุกกำลังซื้อ ตั้งแต่รากหญ้า โดยคาดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่หายไปจะกระทบรากยาวถึงช่วงครึ่งปีแรกของปี
“ปีนี้ ปีหน้า ตลาดคงไม่สดใส เรารองบประมาณมาแล้ว 5 เดือน ท่ามกลางปัญหาอื่นๆ เช่น ไวรัสโคโรนา กลับมาฉุดการท่องเที่ยว ถ้าขาหลักเศรษฐกิจกระทบแล้ว เราก็คงกระทบด้วย”
งานใหญ่ลดภาระหนี้
นายชายนิด กล่าวต่อว่า ท่ามกลางการทำธุรกิจปีนี้อาจไม่ง่ายมากนัก จากภาวะเศรษฐกิจไม่ดี นอกจากจะซื้อที่ดินใหม่ไว้ก่อน บริษัทยังมีภารกิจสำคัญ ที่ต้องการเพิ่มกำไร ลดภาระหนี้ เสริมสภาพคล่องทางการเงินและสร้างงบดุลที่เหมาะสม เป้านำร่องในช่วงปีนี้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จากหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยทั้งหมดประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่การเดินหน้าขายหุ้นในโรงแรมรอยัล ออคิด, การเร่งทยอยนำที่ดินกว่า 60 ไร่ (รัชดา, รามอินทรา, แจ้งวัฒนะ) มูลค่ามากกว่า 5.5 พันล้านบาท ออกขาย รวมถึงการขายที่โครงการในจังหวัดเชียงใหม่ และเร่งปิดการโอนกรรมสิทธิ์ในโครงการลงทุนต่างประเทศ คิโรโระ ประเทศญี่ปุ่น อีกด้วย
“ปีนี้เรามีแผนมากกว่าทุกปี ในเรื่องการลดภาระหนี้ให้เร็วที่สุด ท่ามกลางภาวะที่ไม่ได้เอื้อต่อการเติบโต ยอดขายบ้าน-คอนโดฯคงไม่ดี โรงแรมก็กระทบ”
12 โครงการใหม่ไร้คอนโดฯ
สำหรับแผนเปิดโครงการใหม่ในช่วงปีนี้นั้น ยังเดินหน้ารวมทั้งสิ้น 12 โครงการ มูลค่า 1.85 หมื่นล้านบาท ในกลุ่มแนวราบทั้งหมด เนื่องจากต้องการเลี่ยงภาวะเสี่ยง ซัพพลายที่ล้นในตลาดคอนโดฯเป็นการชั่วคราว และเพื่อต้องการทำให้การระบายสต๊อกคอนโดฯเก่ามูลค่ารวม 6.8 พันล้านบาทเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยตั้งเป้าให้เหลือสต๊อก ณ สิ้นปี ที่ 3.5 พันล้านบาทเท่านั้น ขณะเดียวกัน การหาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดฯในระดับราคาที่เหมาะสมมีความยากเพราะราคาสูง ต่างจากกลยุทธ์เรา ที่คำนึงในเรื่องต้นทุนที่ตํ่า เพื่อไม่ให้เป็นภาระของผู้ซื้อ ฉะนั้นปีนี้จะชะลอคอนโดฯไว้ก่อน
“ปีนี้ เราเน้นเพียงแนวราบ หลังสถานการณ์ตลาดคอนโดฯ ขายช้าลง รีเจ็กต์สูงจากปัญหาต่างๆ เปรียบเป็นระเบิดเวลา แต่บ้านเดี่ยวยังเป็นตลาดที่สดใส ผ่านโลเกชันที่ดี แบบบ้านใหม่จะทำให้เราได้รับการตอบรับ”
ทั้งนี้ โครงการใหม่แนวราบนั้น อาศัยกลยุทธ์การร่วมทุนกับ 3 พันธมิตรเหนียวแน่น (ฮ่องกงแลนด์, ซูมิโตโม ฟอเรสทรี, เซกิซุย เคมิคอล) ในการเจาะทำเลศักยภาพเดิมและใหม่ ผ่านแบบบ้านใหม่ ลดฝุ่นทุกแบรนด์ ทุกระดับราคา ตั้งเป้ายอดขายทั้งปี 1.8 หมื่นล้านบาท
หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,549 วันที่ 16-19 กุมภาพันธ์ 2563