แหล่งข่าวกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีการเรียกประชุมกำหนดคุณสมบัติผู้ที่จะมาเป็นผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) หลักของผู้สมัครยังอิงกับหลักของเดิม ได้แก่ ผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติ สัญชาติไทย อายุไม่เกิน 58 ปี บริบูรณ์ในวันยื่นใบสมัคร สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรีจากสถาบันการศึกษาที่ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) รับรอง
เป็นผู้มีความรู้ความสามารถหรือมีประสบการณ์ ด้านการบริหารทั่วไป หรือด้านธุรกิจ หรือการตลาด หรืออุตสาหกรรม และมีวิสัยทัศน์ด้านการบริหารจัดการองค์กร ในบริบทที่สามารถปรับเปลี่ยนบทบาทอุตสาหกรรมยางและการตลาดยางพารา ไปในทิศทางที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจ และลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
นอกจากนี้กรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารส่วนราชการจะต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองอธิบดี หรือตำแหน่งราชการที่เทียบเท่า กรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารรัฐวิสาหกิจจะต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองผู้ว่าการหรือรองผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจนั้น
สำหรับผู้สมัครภาคเอกชนกรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารองค์กรประเภทบริษัทจำกัด ต้องดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของบริษัท และกรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารประเภทบริษัทมหาชนจำกัด ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองผู้บริหารสูงสุดขององค์กร ซึ่งต้องมีการบริหารสินทรัพย์ขององค์กรไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี
อย่างไรก็ดีคาดว่าจะเปิดรับสมัครประมาณต้นเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งเป็นวาระที่นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการ กยท.ที่ไปนั่งอยู่สำนักนายกรัฐมนตรี หมดวาระลงพอดี
นายประพันธ์ บุญยเกียรติ ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (ประธานบอร์ด) กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ได้ให้ทางกฎหมายตรวจสอบแล้วว่าการโอนย้ายของนายธีธัช ให้ไปปฎิบัติงานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐประจำสำนักนายกรัฐมนตรีตามกรอบอัตรากำลังชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ โดยได้รับเงินค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์จากการยางแห่งประเทศไทย ดังนั้นเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่อยู่ได้จนครบวาระ และเป็นประกาศคำสั่งนายกรัฐมนตรีโดยชอบ
ประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย
ประกาศแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาผลตอบแทนของผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย