“สมคิด”จี้พาณิชย์เร่งมือ ดันไทยร่วมวง CPTPP

13 ก.พ. 2563 | 11:24 น.

กรมเจรจาการค้าฯ รับลูก “สมคิด” เร่งรวบรวมผลศึกษา CPTPP เสนอเข้า ครม.ภายใน เม.ย.นี้ ก่อนแสดงเจตจำนงไทยขอเข้าร่วมวงต่อที่ประชุมรัฐมนตรี CPTPP สิงหาคม ชี้ผลศึกษาได้มากกว่าเสีย แต่ต้องตั้งกองทุนเยียวยาผลกระทบ

 

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) ที่มีดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563  ว่า  ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ (จร.)กระทรวงพาณิชย์รวบรวมผลการศึกษา และผลการรับฟังความคิดเห็น ข้อดี ข้อเสีย สำหรับการเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ CPTPP ที่ปัจจุบันมีสมาชิก 11ประเทศ รวมไปถึงการพิจารณาเยียวยาผู้ที่จะได้รับผลกระทบหากเข้าร่วมความตกลง เพื่อเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบต่อไป เบื้องต้นคาดจะเร่งเสนอเข้า ครม. ให้ได้ภายในเดือนเมษายน 2563  นี้

“สมคิด”จี้พาณิชย์เร่งมือ ดันไทยร่วมวง CPTPP

                                                 อรมน  ทรัพย์ทวีธรรม

สำหรับสมาชิก  11 ประเทศ CPTPP ได้แก่  ญี่ปุ่น แคนาดา เม็กซิโก เปรู ชิลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน และเวียดนาม ที่มีประชากรรวมกันกว่า 500 ล้านคน มีผลิตภัณฑ์มวลรวม(จีดีพี) รวมกันกว่า 11  ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  หรือสัดส่วน  13% ของจีดีพีโลก และยังมีอีกหลายประเทศให้ความสนใจที่จะเข้าร่วม CPTPP  เช่น  เกาหลีใต้  อังกฤษ  อินโดนีเซีย ไต้หวัน  และโคลัมเบีย  ล่าสุดมีสมาชิก 7 ประเทศได้ให้สัตยาบันข้อตกลงดังกล่าวแล้ว  ได้แก่ เม็กซิโก ญี่ปุ่น  สิงคโปร์ นิวซีแลนด์  ออสเตรเลีย  และเวียดนาม  โดยมีกำหนดการประชุมระดับรัฐมนตรี CPTPP ที่เม็กซิโกในเดือนสิงหาคม 2563  นี้

 

ดังนั้น กรมฯจึงจะเร่งพิจารณาผลศึกษาทั้งหมดเพื่อให้ ครม. พิจารณาเห็นชอบก่อนที่รัฐมนตรีความตกลง CPTPP จะมีการประชุม หาก ครม. เห็นชอบจะได้แสดงเจตจำนงในการเข้าร่วมต่อไป จากนั้นจะได้เข้าสู่ขั้นตอนของการจัดตั้งคณะทำงานเจรจา เพื่อเดินหน้าในการเจรจาเข้าร่วมเป็นสมาชิก สำหรับผลการศึกษาเบื้องต้นที่กรมฯได้ศึกษาและรับฟังความคิดเห็นและเสนอเข้าสู่ที่ประชุม กนศ. พิจารณา หากประเทศไทยเข้าร่วมจะทำให้จีดีพี  ไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.12% มูลค่า 13,323  ล้านบาท  หากไม่เข้าร่วม จีดีพี ไทยลดลง  0.25% มูลค่า 26,629  ล้านบาท  เมื่อเทียบการขยายตัวจีดีพีไทยปี 2561

 

“สมคิด”จี้พาณิชย์เร่งมือ ดันไทยร่วมวง CPTPP

“จะเห็นว่าเมื่อเวียดนามเข้าร่วม CPTPP สถิติการส่งออกตั้งแต่ปี 2558-2562  การส่งออกโตขึ้น 7.58%  สิงคโปร์  ส่งออกโตขึ้น  9.92%  ขณะที่ประเทศไทยการส่งออกเข้าไปในกลุ่มประเทศ CPTPP โตเพียง 3.23%  จะเห็นว่าโอกาสที่ประเทศไทยจะเสียไปนั้นสูง และหากรอให้ประเทศที่สนใจเข้าร่วมเข้าไปก่อน การเจรจาอาจจะยากขึ้นได้”

 

สำหรับประเด็นที่หลายหน่วยงานให้ความกังวลนั้น  เช่น  เรื่องของการเข้าถึงสิทธิบัตรยา ประเด็นนี้ไม่ต้องกังวลแล้วเพราะได้ถูกถอนออกข้อตกลง หลังจากสหรัฐฯได้ถอนออกจากการเป็นสมาชิก TPP ตั้งแต่ปี 2560  และประเทศสมาชิกก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ทุกอย่างสามารถทำได้เหมือนเดิม  ส่วนข้อกังวลการคุ้มครองพันธุ์พืช ผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงเกษตรกร สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์พืชใช้ในการเพาะปลูกได้  แต่หากจะทำการค้าจำเป็นจะต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์  ส่วนการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ ได้มีการกำหนดมูลค่าของวงเงินขั้นต่ำไว้อยู่ที่ 100-1,000  ล้านบาท  ในการเปิดประมูล โดยแต่ละประเทศมีระยะเวลาในการปรับตัว  หากมูลค่าต่ำกว่าที่กำหนดไม่จำเป็นต้องเปิดให้มีการแข่งขันในกลุ่มประเทศ CPTPP กล่าวคือ  หากมูลค่าต่ำไม่ต้องเปิดให้แข่งขัน

 

ขณะที่ประเด็นในเรื่องของการเปิดตลาดสินค้าและบริการนั้น ในข้อตกลงเปิดช่องทางให้แต่ละประเทศมีเวลาในการปรับตัวในการลดภาษี  ซึ่งเป้าหมายอยู่ที่ 0%  มากสุดอยู่ที่ 25 ปี  เนื่องจากบางสินค้า บริการ  ก็ยังเป็นสินค้าที่อ่อนไหว  อีกทั้งพบว่าบางประเทศก็ไม่สามารถทำการเปิดตลาดให้ได้ก็มี  ซึ่งอยู่ในการเจรจาต่อรองของแต่ละประเทศที่ตกลงกันไว้  นอกจากการเปิดตลาดดังกล่าวแล้วการลงทุน การจ้างงานก็สูงขึ้น  จีดีพีของประเทศสมาชิกก็เติบโตขึ้นด้วยเช่นกัน

 

“สมคิด”จี้พาณิชย์เร่งมือ ดันไทยร่วมวง CPTPP

นางอรมน  กล่าวอีกว่า  หากครม.เห็นชอบในการเดินหน้าเจรจาเข้าร่วมเป็นสมาชิก จำเป็นต้องตั้งทีมคณะเจรจาขึ้นมาโดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่จะเดินหน้าเจรจาก็อาจจะเปิดรับฟังความคิดเห็นด้วย ทั้งนี้หากดูเป้าหมายหรือประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจะอยู่ที่ตลาดเม็กซิโก  แคนาดา ที่ประเทศไทยยังมีมีข้อตกลงทางการค้าเ้วยเลย  การขยายตลาดส่งออกสินค้าไปญี่ปุ่น  โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่อาจจะเจรจาให้ญี่ปุ่นเปิดตลาดสินค้าให้ประเทศไทยเพิ่มขึ้น  หรือบางประเทศอาจจะให้ไทยลดภาษีสินค้าลง  เช่น  เครื่องใช้ไฟฟ้า  มอเตอร์ไฟฟ้า  เป็นต้น  ส่วนบริการก็ต้องขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรองว่าจะเปิดอะไรได้บ้าง  แต่ทั้งนี้แต่ละการเจรจาก็ต้องมีช่องทางหรือข้อยกเว้นในการปรับตัวในการลดภาษีสูงสุด 25 ปี ซึ่งเป็นเวลาที่เพียงพอในการปรับตัวและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน

 

อย่างไรก็ดี จากนี้กรมฯก็ต้องขอระยะเวลาในการทำงานรวบรวมข้อดี ข้อเสีย  รวมไปถึงมาตรการเยียวยา  ซึ่งเบื้องต้นได้เสนอให้มีการจัดตั้งกองทุนเอฟทีเอที่อยู่ระหว่างการศึกษา  เมื่อได้รวบรวมก็จะเร่งนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ต่อไป