ทิสโก้ มองหุ้นไทยเริ่มฟื้นแนะเทรดดิ้งสั้นช่วงย่อตัว

13 ก.พ. 2563 | 06:21 น.

บล.ทิสโก้ มองหุ้นไทยเข้าสู่ฟื้นตัวแต่ยังผันผวนสูง ลุ้น SET Index อาจแตะจุดต่ำรอบนี้ไปแล้วที่ 1495 จุด  ประมาณการกำไรตลาดโดยรวมปรับลด 3%  คาด EPS ปี 63 ที่ 98.3 บาท/หุ้น แนะเน้นหาจังหวะเข้าลงทุน/เทรดดิ้งสั้นช่วงย่อตัว

 

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่าในช่วงครึ่งหลังเดือนก.พ.นี้ การเมืองไทยยังมี 2 ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม คือ (1) คดียุบพรรคอนาคตใหม่จากกรณีเงินกู้ 191 ล้านบาท ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 21 ก.พ. เวลา 15.00 น. และ (2) การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและ 5 รัฐมนตรีในระหว่างวันที่ 24-26 ก.พ. เรามองความเป็นไปได้มากที่สุดในคดีเงินกู้ของพรรคอนาคตใหม่ คือ ยกคำร้อง (ให้น้ำหนัก 50%) ซึ่งจะส่งผลให้การเมืองไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ หรือหากตัดสินว่าผิดก็มองไม่มีโทษถึงขั้นยุบพรรค (ให้น้ำหนัก 40% ส่วนที่เหลือ 10% คือ ตัดสินว่าผิดและมีโทษถึงขั้นยุบพรรค)  ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เราเชื่อว่าเป้าหมายของฝ่ายค้านคงไม่ได้คาดหวังว่าจะ ล้มรัฐบาลได้สำเร็จ แต่อยู่ที่การ ดิสเครดิตรัฐบาลมากกว่า เป็นการสร้างความระส่ำระสายกันภายในพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับคณะรัฐมนตรีในอนาคตได้โดยเฉพาะหากคะแนนโหวตของรัฐมนตรีบางท่านแตกต่างกันมาก

สำหรับผลกระทบของไวรัสโคโรนาที่ส่งผลให้รายได้การท่องเที่ยวหายไปอย่างมากทันทีในระยะสั้น และคาดว่าจะส่งผลกระทบลูกโซ่ต่อภาคการบริโภค ภาคการผลิต และภาคการส่งออกในระยะถัดไปด้วย ทำให้ประมาณการ GDP ปีนี้มีแนวโน้มถูกปรับลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จากค่ากลางของตลาดปัจจุบันและของเราที่ประเมินไว้ที่ +2.9% และ +2.6% ตามลำดับ  จากการประเมินเบื้องต้นของเราคาดว่า GDP ปีนี้มีแนวโน้มจะถูกปรับลงมาที่อยู่ที่ระดับ 2% +/- ขณะที่ประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มถูกปรับลงเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อผ่านพ้นช่วงฤดูกาลประกาศผลประกอบการปี 2562 โค้งสุดท้ายในช่วงครึ่งหลังเดือน ก.พ. นี้ไปแล้ว ทั้งนี้ประมาณการกำไรของตลาดโดยรวม (Bloomberg Consensus) ถูกปรับลงต่อเนื่องทุกสัปดาห์นับตั้งแต่ต้นปีนี้รวมแล้วประมาณ -3% (YTD) ส่งผลให้กำไรสุทธิต่อหุ้น (SET EPS) ปีนี้ และปีหน้าลดลงมาอยู่ที่ 98.3 บาท และ 106.9 บาท ตามลำดับ

โดยสรุป เราเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ยังมีความผันผวนสูงจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาและความกังวลต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจและกำไรบจ. แต่อย่างไรก็ดีเรายังคงมุมมอง Downside ของ SET Index รอบนี้ไม่น่าต่ำกว่าระดับ 1480 จุด อิงจากพัฒนาการเชิงบวกของ 2 ปัจจัยหลักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ

(
1) การเมืองในประเทศที่โล่งไปทีละเปราะ (ร่างงบประมาณปี FY2020 ไม่เป็นโมฆะ มีการโหวตวาระ 2 และ 3 เร็ว) และ (2) สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่มีสัญญาณที่ดี (ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจีนเริ่มชะลอตัวลง และทางการไทยยังควบคุมสถานการณ์ได้ดี) มีลุ้นที่ SET Index อาจแตะจุดต่ำของรอบนี้ไปแล้วที่ 1495 จุด และอยู่ในช่วงการฟื้นตัวสลับการพักตัว มีเป้าหมายแกว่งขึ้นทดสอบ 1550 จุด และ 1570 จุด (ปิด GAP) ตามลำดับในระยะถัดไป

ดังนั้น แนะนำหาจังหวะเข้าลงทุน/เทรดดิ้งสั้นช่วงตลาดย่อตัวแต่ไม่ไล่ราคาใน 4 ธีมหุ้นที่น่าสนใจในระยะสั้นดังต่อไปนี้ (1) หุ้นที่ได้ประโยชน์หรือน่าสนใจขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดต่ำลงและราคายังมี Upside อาทิ หุ้นกลุ่ม FIN – S11, THANI หุ้นปันผลดี – KKP, AP, LH, QH, SPALI, ROJNA, EASTW, SUSCO, TTW, WHAUP, MC, MAJOR, TVO รวมทั้งกลุ่ม PF & REIT & IF – BTSGIF, DIF, TFFIF (2) หุ้นคาดงบออกมาดี – BGC, CBG, CHG, EA, NETBAY, PLANB, PRM, PTG, PYLON, SABINA, SUSCO, TPCH

(3) หุ้นรับอานิสงส์ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ใกล้มีผลบังคับใช้ เน้นกลุ่มรับเหมาและก่อสร้าง – CK, STEC, SEAFCO, PYLON, TASCO และกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่ราคายังฟื้นตัวช้า - AMATA, ROJNA, WHA (4) หุ้นเก็งราคาน้ำมันเป็นจุดต่ำจาก OPEC เล็งลดกำลังการผลิตเพิ่มและสถานการณ์ไวรัสโคโรนาเริ่มคลี่คลาย – PTTEP, SPRC, TOP, SCC