"อนุทิน”แจงไม่รับเวสเตอร์ดัม ถามทำไมไทยต้องแบกความกดดัน

วันนี้ (12 ก.พ.63) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีมีเรือสำราญบรรทุกผู้โดยสารกว่า 2 พันคน ขอเข้ามาเทียบท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ว่า เรื่องนี้มีการพิจารณาแล้วว่าเราไม่อนุญาตให้เข้ามาจอดเทียบท่าที่ท่าเรือในประเทศไทย แต่จะให้การดูแลตามหลักมนุษยธรรม หากเรือลำดังกล่าวมีการทอดสมอในทะเลสากลและร้องขอความช่วยเหลือเข้ามา เช่น หากต้องการอาหาร ยารักษาโรค น้ำมัน ของใช้จำเป็นต่างๆ ไทยสามารถช่วยเหลือได้ หรือถ้ามีคนป่วยหนักเราก็ยินดีให้การรักษาภายใต้ระบบควบคุมโรคระบาด ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้กองทัพเรือหารือร่วมกับกรมควบคุมโรค การท่าเรือ ในการพิจารณาการช่วยเหลือ

นายอนุทิน ระบุอีกว่า เมื่อคืนวันที่ 11 ก.พ. ที่ผ่านมา นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้โทรศัพท์มาถึงตน เพื่อยืนยันว่าทุกคนบนเรือสบายดี ไม่มีไข้ ขอให้ไทยรับดูแล แต่ส่วนตัวยังไม่เชื่อเพราะตัว ผอ.องค์การอนามัยโลก ก็ไม่ได้อยู่บนเรือลำนั้น ส่วนตัวเชื่อว่าบนเรือไม่มีอุปกรณ์ตรวจยืนยันโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ COVID-19 และต้องยอมรับว่าเราไม่มีข้อมูลบนเรือมากเพียงพอ จะเอาข้อมูลแค่นี้มาตัดสินใจไม่ได้ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย และบุคลากรทางการแพทย์ของไทยเองก็มีจำกัด อีกทั้งก่อนจะมาถึงไทย 3-4 ประเทศที่ผ่านมาทำไมทุกประเทศถึงปฏิเสธ ทั้งนี้ ที่เห็นว่ามีการหันหัวเรือมายังท่าเรือแหลมฉบัง อาจจะเป็นเพียงการประสานเข้ามา แต่จากการตรวจสอบล่าสุดไปยังการท่าเรือ ยืนยันว่ายังไม่มีการอนุญาตให้เข้ามาจอดเทียบท่าในประเทศไทย

ส่วนที่มีคนไทยบนเรือลำนั้น 19 คน นายอนุทิน ระบุว่า จากข้อมูลทราบว่าเป็นลูกจ้างบนเรือ มีสัญญาจ้างคอยดูแลอยู่แล้ว และอันที่จริงบนเรือยังมีคนสัญชาติอเมริกัน 700 กว่าคน อาจจะไปในพื้นที่ที่ประเทศที่อเมริกามีอธิปไตย เช่น เกาะกวม เกาะต่างๆ เป็นต้น ซึ่งประเทศไทยเดิมทีไม่ใช่เป้าหมายของเรือลำดังกล่าว แต่ไต้หวัน ฮ่องกง เวียดนาม ไม่ให้เข้าจึงจะมาขอเข้าประเทศไทย

ทำไมไทยจะต้องมาแบกรับความกดดันตรงนี้ แต่ขอย้ำว่าหากจุดใดที่เราสามารถให้การช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมได้ เราก็ไม่ลังเลที่จะทำ แต่ต้องดูว่าเราจะให้การดูแลได้มากน้อยแค่ไหน