ดึงเอสพีพี ไฮบริดค้างท่อ ร่วมวงโรงไฟฟ้าชุมชน Quick win

12 ก.พ. 2563 | 10:55 น.

พลังงาน จ่อคลอดหลักเกณฑ์ รับซื้อไฟฟ้า จากโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน นัดถก 17 ก.พ.นี้ กันข้อครหาล็อกสเปก ประเดิม 4 โครงการ Quick win ของกฟผ.และกฟภ. พร้อมดึง SPP Hybrid Firm กำลังผลิต 300 เมกะวัตต์ เข้าร่วมโครงการ

นายกุลิศ  สมบัติสิริ  ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารการรับซื้อไฟฟ้าโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำหลักเกณฑ์ที่เหมาะสม เบื้องต้นมีโครงการที่สามารถนำร่องได้แล้ว 4  โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ ขนาดกำลังผลิต 1 เมกะวัตต์ ที่ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ โรงไฟฟ้าชีวมวล จากซังข้าวโพด ขนาด 1 เมกะวัตต์ ที่ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปีนี้ หลังจากที่ผ่านความเห็นชอบจากบอร์ดกฟผ.เรียบร้อยแล้ว  ส่วนอีก 2 โครงการ จะเป็นของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้แก่ โรงไฟฟ้าที่จังหวัดนาธิวาส  และโรงไฟฟ้าที่จังหวัดยะลา มีกำลังการผลิตไม่เกิน 10 เมกกะวัตต์  ซึ่งมีพื้นที่อยู่แล้ว

 

ขณะที่โรงไฟฟ้าเอกชนนที่ดำเนินการในลักษณะโครงการในรูปแบบเร่งรัดหรือกลุ่มคิกวิน (Quick win) ขั้นตอนล่าสุดกำลังอยู่ระหว่างการร่างสัญญา (TOR) เพื่อให้อยู่บนเงื่อนไขที่ชุมชนจะต้องได้รับประโยชน์สูงสุด  อีกทั้งในพื้นที่ดังกล่าวจะต้องมีสายส่งในการรองรับการขายไฟนี้เข้าไปได้ด้วย

ดึงเอสพีพี ไฮบริดค้างท่อ ร่วมวงโรงไฟฟ้าชุมชน Quick win

                                               นายกุลิศ  สมบัติศิริ 

“การดำเนินงานกลุ่มควิกวินจะต้องพิจารณาอย่างรอบครอบ  เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาในเรื่องของการล็อกสเปก  ซึ่งมีกระแสข่าวถูกนำเสนออกมา  โดยในการประชุมคณะอนุกรรมการฯในวันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้  จะมีการนำเรื่องหลักเกณฑ์การเปิดประมูลของกลุ่มควิกวินให้คณะอนุกรรมการฯ พิจารณา  เพราะยังมีรายละเอียดอีกมากที่ต้องดำเนินการ  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคอนแทร็กฟาร์มมิ่ง  หรือหากไม่มีเชื้อเพลิงในพื้นที่จะสามารถซื้อเชื้อเพลิงจากที่อื่นมาได้หรือไม่  โดยล่าสุดนายกรัฐมนตรีได้มีการอนุมติจัดตั้งคณะกรรมการบริหารการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากแล้ว

ดึงเอสพีพี ไฮบริดค้างท่อ ร่วมวงโรงไฟฟ้าชุมชน Quick win

สำหรับหลักเกณฑ์ที่จะต้องพิจารณาเป็นพิเศษนั้น ข้อสำคัญชุมชนจะต้องได้ประโยชน์มากที่สุด  รวมถึงทำอย่างไรให้ชุมชนถือหุ้นในโรงไฟฟ้าได้นาน และจะทำอย่างไรให้มีเชื้อเพลิงป้อนโรงไฟฟ้าได้อย่างเพียงพอ ต้องมีสายส่งรองรับ  และทำอย่างไรให้ชุมชนได้รับประโยชน์คืนกลับไป สามารถนำไปพัฒนาชุมชนได้  หรือนำไปต่อยอดการทำงานของชุมชนได้อย่างไรบ้าง  แม้กระทั่งกลุ่มคลิกวินก็จะต้องมีการเปิดเปิดประมูลด้วยเช่นกัน

 

“ขอให้มีการเปิดประชุมนัดแรกก่อนจะทำให้ทราบแนวทางของการวางหลักเกณฑ์ว่าควรจะต้องออกมาเป็นอย่างไร  โดยจะต้องเปิดให้กับกลุ่มควิกวินก่อน  เพราะเป็นโรงงานที่ใกล้จะเสร็จเรียบร้อยแล้ว ที่สำคัญจะต้องมีสายส่งรองรับ  ซึ่งโครงการเอสพีพี ไฮบริด ที่เคยเปิดประมูลไปแต่ยังไม่ได้จ่ายไฟเข้าสู่ระบบเหล่านี้ก็จะถือว่าเป็นกลุ่มคลิกวินทั้งหมด  เพราะมีอยู่แล้ว  ขณะที่โรงไฟฟ้าทั่วไป จะมีการนำบทเรียนจาก กฟผ. หรือกลุ่มควิกวินเหล่านี้ มาปรับและเปิดใช้ทั่วไป  ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ปีหน้า  เพราะการก่อสร้างโรงไฟฟ้าอย่างน้อยต้องใช้เวลาประมาณ 12 เดือน”

อนึ่ง โครงการ SPP Hybrid Firm ที่ทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) ออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2560 และอยู่ในกลุ่มที่ได้รับคัดเลือกให้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 17 โครงการ ปริมาณเสนอขายรวมทั้งสิ้น 300 เมกะวัตต์ และกำลังผลิตติดตั้งรวม 434 เมกะวัตต์ กำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (SCOD) ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ซึ่งจะมีการปรับรูปแบบแต่ละโครงการให้เล็กลงขนาดกำลังผลิตไม่เกิน  10เมกะวัตต์ และจัดตั้งประชาคมร่วมกับชุมชนเพื่อให้สามารถเข้าร่วมในโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ที่จะได้รับการอุดหนุนค่าไฟฟ้าในอัตราที่จูงใจมากกว่า