เหตุการณ์ระทึกสะเทือนขวัญและกลายเป็นโศกนาฏ กรรมของคนไทยทั้งประเทศ เมื่อ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา ทหารสังกัดค่ายสุรธรรมพิทักษ์ กราดยิงประชาชนที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อบ่ายวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 30 ราย และบาดเจ็บจำนวนมาก
ความสูญเสียและคราบ นํ้าตาของญาติผู้เสียชีวิต แม้ได้รับการดูแล และเยียวยาอย่างดีจากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ยากที่จะจางหายจากความทรงจำ ล่าสุด พล.อ.อภิรัตน์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ออกมาแถลง ทั้งนํ้าตาและแสดงความเสียใจกับเหตุร้ายที่เกิดขึ้น พร้อมเปิดเผยเหตุจูงใจที่ทำให้ผู้ร้ายเปิดปฏิบัติการที่ไม่คาดคิด
“ผมในฐานะ ผบ.ทบ.ขอกล่าวคำเสียใจอีกครั้งต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ ตลอดระยะเวลานาทีที่เกิดเหตุ มีคำตำหนิกองทัพบก มีคนด่าว่ากองทัพบก ซึ่งกองทัพบกเป็นองค์กรด้านความมั่นคง เป็นองค์กรที่มีความศักดิ์สิทธิ์ มีคนมากมายด่าทหาร แต่อยากจะให้ทราบว่า ท่านอย่าด่ากองทัพบก อย่าด่าทหาร กองทัพบกเป็นองค์กรไม่มีความรู้สึก เป็นองค์กรแห่งความศักดิ์สิทธิ์ เป็นองค์กรแห่งความมั่นคง ทหารที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในประเทศไทย อยู่ตามแนวชายแดน ยังปราบปรามยาเสพติด ทหารที่ยังต้องเสี่ยงชีวิตปกป้องอธิปไตยของชาติ”
พล.อ.อภิรัตน์ คงสมพงษ์
พล.อ.อภิรัชต์ ยอมรับว่า เหตุจูงใจที่ทำให้ผู้ร้ายเปิดปฏิบัติการที่ไม่คาดคิด ส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่เป็นธรรมในการซื้อขายที่ดินในหน่วยงานทหาร กองทัพบกถูกตั้งมาเป็นระยะเวลายาวนาน มีโครงการหลายอย่างเป็นจำนวนมาก เคยมีโครงการเช่นนี้ เช่น บ้านสวัสดิการ การกู้เงิน การร่วมมือระหว่างหน่วยทหารกับพ่อค้า มีการวิ่งเต้น ซึ่งตนไม่อยากลงรายละเอียด และเรื่องทั้งหมดนี้ทราบและรับรองว่า อีก 3 เดือนต่อจากนี้ตั้งแต่ระดับนายพลถึงระดับพันเอกหลายคนไม่มีงานแน่ และตนก็ไม่สน เพราะรู้ข้อมูล ตนเติบโตมากับความรู้สึกที่ไม่ถูกต้องในหลายเรื่อง ซึ่งได้แจ้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ว่า “พี่ครับ ผมต้องทำ”
“ในสัปดาห์นี้จะมีการลงนามกับกระทรวงการคลังในการใช้ที่ราชพัสดุเป็นโครงการสวัสดิการเชิงพาณิชย์ โดยนำเงินรายได้กลับเข้าสู่กระทรวงการคลัง นี่คือการเริ่มต้นแก้ไขปัญหาที่หมักหมมมานานของกองทัพบก แน่นอนว่ามีคนไม่พอใจ” ผบ.ทบ. กล่าว และระบุในประเด็นเดียวกันเพิ่มเติมอีกว่า
“ทหารมีบ้านมีที่พักให้กับกำลังพลเพียงพอ รับราชการ 20-30 ปี ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน เพื่อให้มีเวลาเก็บเงินไปซื้อบ้านของตัวเองหลังเกษียณอายุราชการ ผมขีดเส้นตายภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ สำหรับผู้ที่เกษียณอายุราชการแล้ว และยังพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ทหาร จะย้ายจากกองทัพบกไปอยู่หน่วยงานใดก็ต้องย้ายออก เพื่อเปิดทางให้คนที่ไม่มีบ้านมาอยู่ ยอมรับว่าการอยู่แบบไม่พอเพียงการฟุ้งเฟ้อ เกินความจำเป็น”
พล.อ.อภิรัชต์ ยังกล่าวถึงการซื้อปืนสวัสดิการของกองทัพบกว่า เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ได้เซ็นยกเลิกการจัดซื้อปืนสวัสดิการทุกชนิดของกองทัพบก และต่อไปนี้ใครจะซื้อปืนสวัสดิการภายนอกหน่วยงานใดก็ตาม ผู้บังคับบัญชาชั้นนายพล จะต้องทำคำสั่งผ่านเสนาธิการทหารบกเท่านั้น เพื่อให้ออกคำสั่ง ซึ่งของเดิมตามระเบียบจะให้นายทหารยศชั้นนายพัน เป็นผู้เซ็น ซึ่งเปิดโอกาสให้กำลังพลและพ่อค้าซื้ออาวุธกันได้ง่าย
เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ทำไมไม่สามารถล้างธุรกิจในหน่วยทหารได้ ต้องรอจนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวก่อน พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า ไม่ใช่เพราะเกิดเหตุแล้วดำเนินการ ทั้งนี้ผบ.ทบ.แต่ละท่านที่ผ่านมามีวิสัยทัศน์และแนวทางแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน และสภาวะเช่นนั้นก็แก้ไขปัญหาไปตามสถานการณ์ ซึ่งก่อนหน้าที่จะมาเป็นผบ.ทบ. ตนได้เล็งเห็นปัญหามาโดยตลอด และเมื่อมารับตำแหน่งก็ตั้งใจที่จะมาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เรื่องก่อนหน้านี้ก็ขอให้ผ่านไป แล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ในสิ่งที่ถูกต้องในการปรับตัว ปรับสภาพองค์กรของตัวเอง ไม่มีองค์กรไหนที่จะสมบูรณ์ 100% แต่ก็ต้องแก้ไข
“ผมไม่กลัวและไม่ถนอมตัว เพราะเป็นปีสุดท้ายที่อยู่ในตำแหน่งผบ.ทบ. จะทำกองทัพบก ให้ดีขึ้นจนวันสุดท้าย” พล.อ.อภิรัชต์ ระบุ
หน้า 12 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,548 วันที่ 13-15 กุมภาพันธ์ 2563