ก่อนจะถึงวันนั้น มินิ ประเดิมนำเข้า “คูเปอร์ เอสอี” รถพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของค่ายมาเปิดตัวในไทยเป็นประเทศแรกในเอเชีย-แปซิฟิก โดยสั่งมาจากโรงงานออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ โดนภาษีนำเข้า 80% เสียภาษีสรรพสามิตอีก 8% ยังไม่รวมภาษีตัวอื่นๆ พร้อมขายในราคา 2.29 ล้านบาท
มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% (อีวี) มากับตัวถังแฮตช์แบ็ก 3 ประตู แต่ออกแบบให้แตกต่างจากมินิ ทั่วๆไป ทั้ง ฝาครอบที่ชาร์จไฟฟ้าอยู่เหนือล้อหลังด้านขวา ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับฝาถังนํ้ามันของมินิ 3 ประตู บนฝาแสดงสัญลักษณ์ MINI Electric ซึ่งสัญลักษณ์นี้ยังปรากฏบริเวณกรอบไฟเลี้ยวด้านข้าง ประตูท้ายรถ กระจังหน้า และสะดุดตาด้วยแถบสีเหลืองรับกับฝาครอบกระจกข้างในสีเดียวกัน ไฟหน้า LED เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมล้ออัลลอย 17 นิ้ว ลาย MINI Electric Corona ประกบยางรันแฟลต
ภายในมาพร้อมเบาะผ้าสีดำ Carbon Black ลาย Double Stripe หัวเกียร์ในดีไซน์เฉพาะสำหรับรุ่นมินิ คูเปอร์ เอสอี ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 2 โซน รองรับการสั่งงานระยะไกลจากแอพพลิเคชัน MINI Connected ในการตั้งเวลาออกเดินทางเพื่อเปิดระบบปรับอากาศล่วงหน้าได้ตามต้องการ
ด้วยการติดตั้งแบตเตอรี่ที่ใต้ท้องรถทำให้มินิ คูเปอร์ เอสอี มีพื้นที่ในการเก็บสัมภาระมากกว่ารุ่นอื่นๆ และเพื่อเป็นการสร้างระยะห่างจากแบตเตอรี่ใต้ท้องรถกับพื้นถนน จึงได้รับการออกแบบให้สูงกว่ามินิรุ่นอื่น ๆ 18 มิลลิเมตร ขณะที่แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนจำนวน 12 โมดูล ขนาด 32.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้งรถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 217 กิโลเมตร
มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ต่อ 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 270 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 3.9 วินาที และ 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 7.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมโหมดการขับขี่ 4 รูปแบบ ได้แก่ Sport, MID, GREEN และ GREEN+ ขณะที่การทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าที่แทบจะไร้เสียง ทำให้มินิต้องใช้ระบบการจำลองเสียงเพื่อเตือนคนเดินถนน โดยจะฝังลำโพงภายใต้กันชน พร้อมจำลองเสียงขณะขับขี่ที่ความเร็วตํ่า
อีวีรุ่นนี้สามารถชาร์จจากระบบโครงข่ายไฟฟ้าได้หลายรูปแบบ ทั้งจากปลั๊กไฟในบ้านโดยตรง (อุปกรณ์มาตรฐานของตัวรถ) จากเครื่องชาร์จ MINI ELECTRIC Wallbox และจากสถานีชาร์จสาธารณะ โดยสามารถรองรับหัวชาร์จทั้ง AC และ DC แบบ Type 2 และหัวชาร์จ CCS Combo 2 ซึ่งจะมีไฟบอกสถานะการชาร์จปรากฏอยู่เหนือเต้าเสียบใน 3 สถานะด้วยกัน ได้แก่ ไฟสีส้มขณะเริ่มชาร์จ ไฟกะพริบสีเหลืองระหว่างการชาร์จ และไฟสีเขียวเมื่อชาร์จเต็ม
แบตเตอรี่แรงดันสูงสามารถรองรับสายชาร์จทั้งแบบมาตรฐานและสายชาร์จจาก MINI ELECTRIC Wallbox ที่รองรับกำลังไฟได้สูงสุด 11 กิโลวัตต์ ชาร์จถึง 80% ภายใน 2.5 ชั่วโมง และชาร์จเต็ม 100% ภายใน 3.5 ชั่วโมง
สำหรับ MINI ELECTRIC Wallbox ถูกแยกขายต่างหากไม่รวมกับค่าตัวรถ ด้วยราคาเริ่มต้น 1 แสนบาท กับไฟบ้านเฟสเดียว ปล่อยกำลังไฟ 7.4 กิโลวัตต์ และ 1.2 แสนบาท กับไฟบ้าน 3 เฟส ปล่อยกำลังไฟ 11 กิโลวัตต์
ใครสนใจรถต้องรีบหน่อย เพราะล็อตแรกได้โควตามาแค่ 25 คัน และแว่วๆว่าแต่ละดีลเลอร์ได้รับพรีบุ๊กกิ้งจากลูกค้ามาพอสมควร หรือรวมๆเกือบ 20 คัน แต่การจองอย่างเป็นทางการต้องผ่านระบบออนไลน์พร้อมกันที่ www.mini.co.th ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 14.14 น. เป็นต้นไป
มินิ คูเปอร์ เอสอี ราคา 2.29 ล้านบาท รวมโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard ครอบคลุมการบำรุงรักษานาน 3 ปีต่อ 60,000 กิโลเมตร และการรับประกัน 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง โดยรถจะเริ่มส่งมอบได้ตั้งแต่กลางปีนี้ ส่วนยอดขายรวมในปี 2562 ทำได้ 1,204 คัน สูงที่สุดตั้งแต่มีการดำเนินธุรกิจมินิในไทย
หน้า 16-17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,548 วันที่ 13 - 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563