เที่ยงตรงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563 ที่โรงแรมสุโกศล กลุ่มการเมืองในนามกลุ่มสามมิตรของ สุริยะจึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม, สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม, อนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท ในพรรคแกนนำรัฐบาลพลังประชารัฐ นัด 40 ส.ส.ในก๊วนรับประทานอาหารมื้อกลางวัน
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ผู้ประกาศตัวไม่มีกลุ่ม ไม่มีก๊วน มีแต่พวกและเพื่อน โผล่ร่วมวงควงมากับ อุตตมสาวนายน รมว.การคลัง หัวหน้า พปชร.
เป็นมื้อกลางวันที่คอการเมืองทั่วไปติดตามสนใจ คอการเมือง สายทหารทั้งสายลุงตู่ ลุงป้อมก็ติดตาม ใครเล่นอะไรกัน !!
ปากคำสุริยะ บอกว่า นัดส.ส.กลุ่มสามมิตร 40 คน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ยกเลิกกลุ่มไปแล้ว แต่เนื่องจากว่าทางพรรคฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี จึงเป็นเหตุผลที่ส่วนตัวคิดว่า กลุ่มสามมิตรต้องมาช่วยระดมความคิด เพราะเป็นผู้มีประสบการณ์ทางการเมืองในการเก็งข้อสอบ และเตรียมข้อมูลให้ เพื่อมาช่วยเหลือนายกรัฐมนตรี
แม้สมศักดิ์ ยืนยันว่า วาระสำคัญที่หารือ คือการเตรียมความพร้อมเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี และส.ส.จะต้องมีความตื่นตัวไม่มีการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีอะไรทั้งนั้น จะไปต่อรองอะไรกันตอนนี้
แม้อุตตม จะปฏิเสธว่าไม่มีการต่อรองใดๆ แค่มาทานข้าวกัน ให้กำลังใจกัน ยืนยันไม่ได้มีเพียงแค่ส.ส.ในกลุ่มสามมิตร เพราะทุกกลุ่ม ทุกคนก็มีการให้กำลังใจกัน ไม่ได้ให้ความสำคัญกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ อยู่ร่วมกัน อยู่ด้วยกันหมด เดินมาถึงขั้นนี้แล้ว “พรรคพลังประชารัฐคือหนึ่งเดียว” และต่อไปหากมีกลุ่มไหนในพรรคพลังประชารัฐจัดงานก็พร้อมจะไปร่วม การรวมตัวในวันนี้ไม่ได้เป็นการแสดงพลังเพื่อต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี หากมีการปรับ ครม.หลังอภิปราย
ฟังดูเหตุผล แค่วางเกมในสภา เพื่อปกป้องนายกฯ จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ!!
อันที่จริงถ้าจะปกป้องนายกฯเก็งข้อสอบวางประเด็น กำหนดบทบาทองครักษ์พิทักษ์ลุงตู่ ไม่เห็นต้องนัดเอิกเกริกและแจ้งวาระไปยังสื่อเช่นนี้ แค่กลับไปวางแผนในพรรค ไม่เห็นจะทำไม่ได้
ที่สุดมื้อกลางวันจึงเป็นเพียงฉากหน้าที่เห็น และไม่มีใครเชื่อ!!
ด้วยเหตุคล้อยหลังมื้อกลางวันไม่นาน ก็มีการปล่อยข่าวออกมาเป็นระบบ แซะเก้าอี้รัฐมนตรี โดยเล่นใหญ่ปลดทั้ง 3 กุมารรัฐมนตรีในคาถาเฮียกวง กดดันเอาเป้าใหญ่ไว้ก่อนเรียกให้ปลด 3 เผื่อเฮียกวงขอไว้ 2 หลุดไปตำแหน่ง ให้คนโตจากชัยนาท ที่หมายมั่นปั้นมือเก้าอี้เสนาบดีมานานแต่ไม่สำเร็จ
ถัดมาของการแสดงพลังเพื่อหวังเกลี่ยเก้าอี้ ขอที่นั่งแล้ว ยังหวังที่จะสลับปรับเปลี่ยนเก้าอี้ที่ใหญ่ขึ้นและมีพลังมากขึ้น ถ้ายังไม่ถึงขั้นแตะเก้าอี้พรรคร่วมได้ ก็มีเก้าอี้ของพรรคเดียวกันเป็นหมุดหมาย
โดยเฉพาะเก้าอี้กระทรวงพลังงาน ว่ากันว่าเป็นขุมทรัพย์หลักที่จ้องกันตาเป็นมัน เริ่มส่งเครือข่ายมือไม้ออกอาวุธ อาละวาดกันหนักอยู่ในห้วงเวลานี้
แน่นอนเมื่อโพนทะนาว่ามีส.ส.ในก๊วนเยอะ ก็จำเป็นต้องใช้ “กล้วย” เยอะ และยังไม่เคยเห็นเช่นกันที่นักการเมืองลายครามพวกนี้ จะตัดกล้วยจากสวนตัวเองแจก มีแต่หยิบฉวยกล้วยจากที่อื่นทั้งนั้น
ว่ากันที่จริงแล้วในสามมิตรเอง น่าเห็นใจสุริยะที่มีปัญหาสุขภาพ ส่งสัญญาณขอพักชั่วคราวหลายครั้ง
แต่การเมืองไทยจากอดีตถึงปัจจุบัน นักการเมืองส่วนใหญ่ อาจไม่เป็นตัวของตัวเอง บางครั้งใจถอย ร่างกายล้า แต่จำต้องอยู่เพื่อผู้อื่น เพื่อพวกพ้องบริวารที่ยังดันหลังให้ไปต่อ เพื่อไม่ให้ตัวเองหลุดจากขุมอำนาจ
ใครคนนั้นยังไม่ถึงฝั่งฝัน จึงยังต้องดันสุดแรง
มันเป็นเช่นนั้นเอง !
ในสามมิตรยามนี้หากสกรีนลึกลงเนื้อใน ขานชื่อกันตรงๆ ไปไหนไปกัน อาจไม่ถึง 40 ส.ส.ตามที่สร้างราคา ดีไม่ดีอาจไม่ถึง 20 หัวด้วยซ้ำ ที่ไปๆ กันสกรีนดีๆ มีข้าวกินฟรี มีขนมตบท้ายก็ไปไว้ก่อน รับแจกกล้วยหลายทางใครจะปฏิเสธ
มื้อเที่ยงของสามมิตรคราวนี้ จึงยังเป็นได้แค่เกมโชว์แกมขู่ ต่อรองแซะเก้าอี้รมต.ก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี
หมากการเมืองแบบนี้ยังไม่ลึกซึ้งเพียงพอ ลุงตู่อ่านง่าย
ผ่านอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นไปก่อน เดี๋ยวมาว่ากัน
ใครคนนั้นที่ชอบโชว์ งึดงัด ฟึดฟัด อาจฝันค้างอีกรอบก็เป็นได้...