พลังงานดัน”สมาร์ทกริด” ตั้งเป้าฮับไฟฟ้าอาเซียน

07 ก.พ. 2563 | 07:28 น.

สนพ.สรุปแผนขับเคลื่อนสมาร์ทกริดคืบหน้า 3 การไฟฟ้าเร่งพัฒนาโครงการนำร่อง ยกระดับคุณภาพระบบไฟฟ้าไทย ระยะสั้น 4 ปี (พ.ศ. 2560 – 2564) ตั้งเป้าสู่การเป็นฮับด้านไฟฟ้าอาเซียน

นายอนิรุทธิ์ ธนกรมนตรี โฆษกสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า สนพ.ได้ติดตามความก้าวหน้าของแผนขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านสมาร์ทกริดของประเทศไทยระยะสั้น 4 ปี (พ.ศ. 2560 – 2564) ซึ่งเป็นระยะที่ 2 ตามแผนแม่บทการพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริดของประเทศไทยปี 2558 – 2579 โดยเป็นช่วงพัฒนาโครงการนำร่องเพื่อทดสอบความเหมาะสมทางเทคนิคและความคุ้มค่าของการลงทุนในแต่ละเทคโนโลยี ซึ่งการพัฒนาโครงการต่างๆ โดย 3 การไฟฟ้า ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก

 

ทั้งนี้  กฟภ. ได้เริ่มดำเนินการโครงการนำร่องด้านการตอบสนองโหลดและระบบบริหารจัดการพลังงาน อาทิ โครงการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะในพื้นที่เมืองพัทยา โดยมีการเปลี่ยนมิเตอร์เก่าให้เป็นสมาร์ทมิเตอร์ทั้งหมดเป็นตัวเลข 116,308 เครื่อง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563 และโครงการด้านระบบไมโครกริดและระบบกักเก็บพลังงาน ซึ่งได้มีการทำโครงการในพื้นที่ที่ห่างไกลจากสายส่ง และมีปัจจัยเรื่องความปลอดภัยอย่างพื้นที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา และพื้นที่ในอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

พลังงานดัน”สมาร์ทกริด” ตั้งเป้าฮับไฟฟ้าอาเซียน

                                          นายอนิรุทธิ์ ธนกรมนตรี

โดยร่วมกับ กฟผ. ทำโครงการนำร่องระบบไมโครกริด โดยสร้างระบบไฟฟ้าที่แยกอิสระไม่ต้องพึ่งสายส่งหลัก และมีระบบกักเก็บพลังงานไว้ใช้ในพื้นที่ตัวเอง โครงการวิจัย EV Station ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดลองใช้งาน ซึ่งมี Application เพื่อใช้ในการบริหารจัดการการชาร์จ มีสถานีทั้งหมด 11 แห่ง อาทิ หัวหิน ปากช่อง โคราช อยุธยา คาดว่าจะเปิดใช้งานประมาณเดือน เมษายน 2563 โครงการวิจัย Power Pack เป็นการศึกษาระบบกักเก็บพลังงาน ซึ่งจะติดตั้งในบ้านอยู่อาศัย หากในอนาคตผู้ผลิตมีการติดตั้ง solar rooftop กันมากขึ้น ซึ่งในงานวิจัยได้จัดทำต้นแบบระบบกักเก็บพลังงาน ( ESS ) ที่ขนาด 5 กิโลวัตต์-ชั่วโมง เป็นอีกทางเลือกที่จะนำไปใช้แก้ปัญหาในพื้นที่ห่างไกลในพื้นที่ที่มีการติดตั้งโซลาร์อยู่แล้ว และอาจจะเป็นธุรกิจ หรือ Product ใหม่ของ กฟภ. ในการให้บริการกับผู้ใช้ไฟฟ้าในอนาคต

พลังงานดัน”สมาร์ทกริด” ตั้งเป้าฮับไฟฟ้าอาเซียน

ขณะที่กฟน.รายงาน ความคืบหน้าโครงการนําร่องระบบบริหารจัดการพลังงานในอาคารที่ทําการการไฟฟ้านครหลวง ซึ่งเชื่อมต่อกับระบบสมาร์ทกริด เสร็จเรียบร้อยแล้ว โครงการนําร่องการตอบสนองด้านโหลดและกลไกราคาในพื้นที่กทม. และปริมณฑล (DR : LAMS) เพื่อให้ผู้ใช้ไฟฟ้ามีส่วนร่วมต่อการบริหารจัดการพลังงานของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดความคุ้มค่า คาดว่าจะแล้วเสร็จ ภายในปี 2565 ส่วนโครงการนําร่องระบบไมโครกริดของ กฟน. เพื่อศึกษาระบบไมโครกริดและเป็นอาคารตัวอย่างในการเรียนรู้ระบบ Facility Microgrid ของ กฟน. เป็นการรองรับระบบไมโครกริด และการขยายตัวของพลังงานทางเลือกในเขตพื้นที่บริการ บริหารจัดการ และควบคุมไมโครกริดในเขตพื้นที่บริการได้แบบ Real time คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2564 นอกจากนี้ ยังมีโครงการนำร่องอื่นๆ อยู่ระหว่างดำเนินการ อาทิ Smart Metro Grid Project เพื่อใช้งานเทคโนโลยีระบบสมาร์ทมิเตอร์ก่อนใช้ทั่วพื้นที่ กฟน. เป็นต้น

พลังงานดัน”สมาร์ทกริด” ตั้งเป้าฮับไฟฟ้าอาเซียน

สำหรับกฟผ. ได้เตรียมการด้านบทบาทรักษาความมั่นคงในระบบไฟฟ้าให้สามารถรองรับพลังงานหมุนเวียนในอนาคต โดยปรับปรุงโรงไฟฟ้าและระบบส่งให้มีความทันสมัยมากขึ้น (Grid Moderization) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพยากรณ์พลังงานหมุนเวียน Big Data รวมถึงโรงไฟฟ้าที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และจัดทำแผนพัฒนา Grid Connectivity เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบส่ง รองรับการส่งถ่ายไฟฟ้าในภูมิภาค มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางไฟฟ้าของอาเซียน เตรียมพร้อมการเปลี่ยนผ่านการพัฒนาระบบผลิตไฟฟ้าจากฟอสซิล ไปเป็นพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบไฮบริด

 

สุดท้ายนำไปสู่เรื่องโรงไฟฟ้าชุมชน สร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจฐานราก โดยกฟผ.ได้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ด้านพลังงาน EGAT Energy Excellence Center ให้ความรู้ด้านพลังงานหมุนเวียน จุดเริ่มต้นแห่งการเกิดสมาร์ทกริด จะเป็นพื้นที่ที่ใช้พลังงานเลี้ยงตัวเองได้ การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ มีระบบกักเก็บพลังงาน มีการให้ความรู้เรื่องระบบไฮโดรเจน พลังงานขยะ เพื่อนำไปผลิตไฟฟ้าด้วย