ซื้อหุ้นปันผลดีกว่าฝากแบงก์

06 ก.พ. 2563 | 13:10 น.

 

หุ้นปันผลที่จ่ายเกิน 4% ขึ้นไป

 

มติคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ได้ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% เหลือ 1.00% เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563 ถือเป็นอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดในประวัติศาสตร์และเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อการช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ หลังจากเป้าจีดีพีปี 2563 ปรับลงมาอยู่ที่บริเวณ 2% จากเดิม 2.7-2.8%  

ล่าสุดธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ประกาศลดดอกเบี้ยเงินฝากประจำลง 0.05%-0.25% และเทียบธนาคารที่จ่ายดอกเบี้ยเงินฝากประจำสูงสุดเวลานี้คือทหารไทย ME By TMB” ( ฝากไม่เกิน 10 ล้านบาท )จ่ายอยู่ที่ 1.70% ต่อปี  รองมาคือ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย "Speed savings"  (ฝากขั้นต่ำ1แสนถึง 30 ล้านบาท ) และธนาคารเกียรตินาคิน  "KK Smart Bonus "( เงินฝาก 5- 10 ล้านบาท ) จ่ายเท่ากัน 1.50% ต่อปี

ผลตอบแทนจากดอกเบี้ยฝากที่ต่ำ ทำให้หุ้นกลุ่มปันผล ได้รับความสนใจมากขึ้น จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ เดือนมกราคม 2563 ผลตอบแทนเงินปันผล ( Divendend Yield ) ของตลาดหลักทรัพย์ ( SET ) เฉลี่ยอยู่ที่ 3.31%  ขณะที่หุ้นกลุ่มปันผลสูง  SETHD  (SET High Dividend 30 Index ) ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 5.34%

SETHD 30 ตัวประกอบด้วยบริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) (บมจ.) (ADVANC) , บมจ. เอพี (ประเทศไทย )  (AP),  บมจ.บ้านปู  BANPU ,  บมจ.ธนาคารกรุงเทพ BBL  , บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) , บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย)  (DELTA)  , บมจ.ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส (HANA ) ,บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์  (INTUCH) , บมจ.ไออาร์พีซี ( IRPC)  ,บมจ. อินโดรามา เวนเจอร์ส  (IVL ),บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT)

บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE)  ,บมจ.ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) , บมจ.ธนาคารกรุงไทย (KTB ) ,บมจ.แลนด์แอนด์เฮาส์ ( LH ), บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ( MAJOR)  ,บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI ) , บมจ.ปตท.  (PTT ) , บมจ.ปตท.สผ. (PTTEP)  , บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล  (PTTGC), บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH ), บมจ.ราชกรุ๊ป (RATCH) , บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์  (SCB ) ,บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย ( SCC ),บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) , บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC)  ,บมจ. ทุนธนชาต ( TCAP ) , บมจ.ธนาคารทิสโก้ (TISCO ) , บมจ.ไทยออยล์ (TOP)  และ บมจ.ทีทีดับบลิว (TTW )   

บางตัวให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูงถึง 6.0 -8.0 %   

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ซีจีเอส –ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย ) กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่ามีความเป็นไปได้ที่กนง.ลดดอกเบี้ยลงได้อีก 0.25% เหลือ 0.75% ภายในกลางปีนี้ หากเศรษฐกิจไทยยังแย่  

อย่างไรก็ดีการลงทุนในหุ้นปันผลควรเข้าซื้อไม่เกินสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ อัพไซด์ยังสูง ซึ่งส่วนใหญ่จะจ่ายปันผลในเดือนพฤษภาคม  หลังจากนี้จะน้อยลง เพราะหุ้นปรับรับข่าวไปแล้ว

โดยแนะลงหุ้นปันผลใน 3 กลุ่ม คือกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน  (Infrastructure Fund : IFF) เลือก 2 ตัวคือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล  (DIF )และ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน  ( JASIF ) ปันผลเฉลี่ยหน่วยละ 6.5% และ 9.5% ตามลำดับ

กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ จากราคาหุ้นที่ปรับลงมากจากผลกระทบเศรษฐกิจและเกณฑ์ LTV   จ่ายปันผลระดับ 7.0 – 8 .0ชอบหุ้น บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ( LH ) และบมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ ( QH )

กลุ่มสื่อสาร  เลือกหุ้นบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส  ( ADVANC ) และ บมจ. อินทัช โฮลดิ้งส์  (INTUCH ) เป็นธุรกิจทีมีกระแสเงินสดมั่นคง และปันผลเฉลี่ย 4.0 % และ 5.3% ตามลำดับ

สอดคล้องกับนายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า จากการที่กนง.ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% เหลือ1.0%  ส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มปันผล  ได้แก่กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน  กองทุนรวมอสังหาฯ อาทิ DIF และกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไพร์มออฟฟิศหรือ POPF  โดยหุ้นที่เราชอบได้แก่บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MCS,หุ้นอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ LH , AP ,PSH,   KKP  

“การปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย  อาจกดดันให้ผลตอบแทนจากตราสารหนี้ลดลง และมีโอกาสที่เม็ดเงินจะโยกย้ายมาลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ในกลุ่มหุ้นปันผลสูง กลุ่มเช่าซื้อ-ลิสซิ่ง, กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ “

ฝ่ายวิจัย บมจ.บริษัทหลักทรัพย์ไอร่า ประเมินดัชนีหุ้นในเดือนนี้มีโอกาสฟื้นตัว จากปัจจัยบวกกระแสเงินทุนส่วนเกิน ทั้งจาก FED และ ECB ที่ยังคงส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายทางการเงินต่อเนื่อง รวมทั้งการประกาศผลประกอบการในไตรมาส 4/2562 ของหุ้นในกลุ่ม Real Sector และเป็นเข้าสู่ฤดูกาลการจ่ายเงินปันผล ซึ่งคาดว่ามีโอกาสเห็นแรงเก็งกำไร และซื้อคืนหุ้นที่ราคาปรับตัวลงมาแรงก่อนหน้าจนทำให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ในระดับที่น่าสนใจ   หุ้นกลุ่มปันผลที่น่าสนใจเช่น JASIF, TOP, ORI, SPALI, SCB, AP และ BTS ที่ราคาปรับตัวลงมาแรง และจ่ายเงินปันผลอยู่ในระดับสูงกว่า 5%

หากดอกเบี้ยยังเป็นขาลงซึ่งคาดกันว่าอาจทำ "นิวโลว์" ได้อีก  เสน่ห์หุ้นปันผลก็มีมากยิ่งขึ้น .