รอดแล้ว  วุฒิสภาสหรัฐฯโหวต “ทรัมป์” พ้นข้อกล่าวหา

06 ก.พ. 2563 | 03:19 น.

 

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลุดพ้นจากการถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งแล้วซึ่งเป็นไปตามความคาดหมาย หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐอเมริกาซึ่งมีพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ได้ลงมติคัดค้านการถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง พร้อมทั้งประกาศให้เขาพ้นผิดทั้ง 2 ข้อกล่าวหา ซึ่งได้แก่การใช้อำนาจในทางมิชอบ และการขัดขวางกระบวนการสอบสวนของสภาคองเกรส โดยการลงมติดังกล่าวมีขึ้นเมื่อวันพุธ (5 ก.พ.) ตามเวลาสหรัฐฯ หลังจากสมาชิกวุฒิสภาได้ทำการอภิปรายญัตติถอดถอนดังกล่าว

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ทั้งนี้ วุฒิสภาสหรัฐฯได้ลงมติด้วยคะแนนเสียง 52 ต่อ 48 ปฏิเสธข้อกล่าวหาการใช้อำนาจในทางมิชอบ และลงมติด้วยคะแนนเสียง 53 ต่อ 47 ปฏิเสธข้อกล่าวหาขัดขวางกระบวนการสอบสวนของสภาคองเกรส และด้วยเหตุนี้วุฒิสภาจึงประกาศให้ประธานาธิบดีทรัมป์พ้นผิดจากทั้ง 2 ข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยนายจอห์น โรเบิร์ตส์ ผู้พิพากษาศาลสูงสุดของสหรัฐฯ เป็นผู้ประกาศผลการลงมติในครั้งนี้ เขาระบุว่า “คะแนนเสียงสนับสนุนการถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์มีไม่มากพอในวุฒิสภา จึงทำให้ไม่สามารถเอาผิด และไม่สามารถขับประธานาธิบดีพ้นจากตำแหน่งได้”

 

 

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ผิดไปจากความคาดหมายก่อนหน้านี้ที่ว่า วุฒิสภาสหรัฐฯ ที่มีพรรครีพับลิกันของประธานาธิบดีทรัมป์ครองเสียงข้างมาก คงจะลงมติคัดค้านการถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง และนั่นก็จะหมายถึงความพ่ายแพ้ของฝ่ายค้านอย่างพรรคเดโมแครตในความพยายามที่จะถอดถอนทรัมป์ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี ก่อนหน้านี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯซึ่งมีพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากได้ลงมติเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2562 เห็นชอบต่อการถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ใน 2 ข้อหาดังกล่าวข้างต้น ทำให้เขากลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 3 ที่ถูกสภาผู้แทนราษฎรลงมติขอให้ถอดถอนอย่างเป็นทางการ และต้องเผชิญกับการไต่สวนในวุฒิสภา

นายโจ ไบเดน คู่แข่งคนสำคัญของประธานาธิบดีทรัมป์ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นปลายปีนี้

กระบวนการดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา เมื่อนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯขอให้เริ่มการไต่สวนเพื่อถอดถอนประธานาธิบดี หรือที่เรียกว่า กระบวนการอิมพีชเมนท์ (impeachment) หลังจากมีรายงานข่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เพื่อกดดันให้มีการสอบสวนนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และบุตรชายของเขา ซึ่งทำธุรกิจในยูเครน โดยการกระทำของทรัมป์ถูกมองว่าเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐฯ เนื่องจากนายโจ ไบเดน เป็นหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯจากพรรคเดโมแครต ถือเป็นคู่แข่งคนสำคัญของประธานาธิบดีทรัมป์ หากนายไบเดนถูกสกัดให้ออกจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ทรัมป์ก็มีแนวโน้มสูงที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯอีกสมัย