สมคิดสั่ง ออมสินเร่งแก้หนี้ข้าราชการ

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายการดำเนินงานให้กับธนาคารออมสินว่า ได้สั่งการให้ธนาคารออมสิน ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เร่งปรับโครงสร้างหนี้ข้าราชการ ตามนโยบายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมาก ซึ่งธนาคารออมสินจะต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว 

“การแก้หนี้ข้าราชการ เป็นนโยบายที่นายกฯ กำชับมา อย่างให้ช่วยผ่อนคลาย เพราะว่าปัญหานี้สั่งสมมานาน ภาระหนี้สูงมาก บางคนแทบไม่มีทางใช้คืน จึงได้ให้ออมสินไปหารือกับแบงก์ชาติ ว่าจะช่วยได้อย่างไร ให้สามารถกลับมายืนได้อีกครั้ง แต่ทุกอย่างต้องดำเนินการภายใต้กรอบและเกณฑ์ที่เหมาะสม”นายสมคิด กล่าว 
 

นอกจากนี้ ยังสั่งการให้ธนาคารออมสิน จัดตั้งสถาบันพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก กระจาย 77 จังหวัดทั่วประเทศ ในการทำหน้าที่ให้ความรู้ การพัฒนาอาชีพ การหาตลาด การผลิตและการแปรรูป รวมถึงการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ให้กับประชาชน และวิสาหกิจชุมชน รวมถึงการจัดจ้างผู้สูงอายุทำงานหลังวัยเกษียณ เพื่อต่อยอดการเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน 

ด้านนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หลังจากนี้ธนาคารออมสินจะเข้ามาหารือกับกระทรวงการคลังถึงรูปแบบในการปรับโครงสร้างหนี้ของข้าราชการที่เหมาะสม ซึ่งที่ผ่านมาได้หารือเรื่องดังกล่าวกับธปท.แล้ว โดยธปท.ได้ให้ความสนใจ เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการเงินส่วนบุคคล และระบบการเงินทั้งระบบด้วย 

ขณะที่นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า หลังจากนี้ธนาคารจะเร่งหารูปแบบทางที่จะดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ข้าราชการ ซึ่งคาดว่าจะเสนอให้นายอุตตม พิจารณาได้ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ โดยเบื้องต้นจะเป็นการยืดเวลาการชำระหนี้ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในรูปแบบเครดิตเงินคืน(Cash Back) เพื่อใช้ในการหักเงินต้นให้กับลูกหนี้ที่มีการผ่อนชำระหนี้ดี ที่มีสัดส่วนประมาณ 90% ของจำนวนลูกหนี้ข้าราชการทั้งหมด

ส่วนลูกหนี้ข้าราชการที่อยู่ในกลุ่มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จะได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ให้กลับเข้าสู่กลุ่มลูกหนี้ชั้นดีก่อน ถึงจะสามารถเข้าสู่กระบวนการข้างต้นได้ โดยคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะแล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้ภายในมีนาคมนี้ 

สำหรับปัจจุบันมีบุคลากรภาครัฐที่มีสินเชือ่กับธนาคารออมสิน ณ ปัจจุบัน ทั้งสิ้น 1,183,182 ราย เป็นข้าราชการพลเรือน, พนักงานรัฐวิสาหกิจรวม 600,129 ราย คิดเป็น 51% และ บุคลากรทางการศึกษา 489,060 ราย หรือคิดเป็น 41% ทหาร 48,052 ราย คิดเป็น 4% และ ตำรวจ 45,941 ราย หรือคิดเป็น 4% โดยจำนวนดังกล่าวคิดเป็นเงินกู้คงเหลือ 629,138 ล้านบาท เป็นเงินกู้ของข้าราชการพลเรือน, พนักงานรัฐวิสาหกิจ 185,722 ล้านบาท และบุคลากรทางการศึกษา 394,927 ล้านบาท ตำรวจ 28,064 ล้านบาท และทหาร 20,425 ล้านบาท