ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 ว่า ที่ประชุม ครม.ได้รับทราบแนวทางปฏิบัติในการเจรจาและการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (Government to Government : G to G) ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เสนอ เพื่อให้การทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจีมีความน่าเชื่อถือและโปร่งใสมากขึ้น และสามารถดำเนินการได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องกับการค้าข้าวของประเทศในปัจจุบัน โดยรัฐบาลของประเทศที่จะทำสัญญาซื้อขายข้าวกับรัฐบาลไทย จะต้องเป็นหน่วยงานรัฐบาล หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษรให้ดำเนินการแทนรัฐบาลเท่านั้น เว้นแต่บางประเทศมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่เจรจาและทำสัญญาซื้อขายข้าวเพียงหน่วยงานเดียว
ส่วนการทำสัญญาซื้อขายนั้น ให้อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นผู้เจรจา หรือเข้าร่วมการประมูลแบบจีทูจี และลงนามทำสัญญาซื้อขายข้าวในนามรัฐบาลไทย โดยสาระของการเจรจา อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ต้องนำเสนอปลัดกระทรวงพาณิชย์ เพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีในฐานะประธาน นบข. พิจารณาให้ความเห็นชอบการเสนอขาย การเจรจาต่อรองราคา การตกลงเงื่อนไขในสัญญา แนวทางจัดหาข้าวเพื่อส่งมอบ ก่อนการดำเนินการ
ทั้งนี้ กรณีที่ข้าวในสต๊อกรัฐบาลไม่เพียงพอ ให้สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยจัดหาข้าวเพิ่มเติมและส่งมอบตามสัญญา และกรณีรัฐบาลไม่มีข้าวในสต๊อกที่ตรงกับความต้องการของผู้ซื้อ ให้สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยจัดหาและส่งมอบข้าวตามสัญญา
ส่วนการชำระเงินค่าข้าวนั้น ต้องเป็นการชำระเงินระหว่างประเทศ เช่น การเปิด Letter of Credit (L/C) และการโอนเงินระหว่างประเทศ (Telegraphic Transfer: T/T) เป็นต้น ซึ่งสามารถตรวจสอบที่มาของเงินได้ โดยมีเอกสารหลักฐานการทำธุรกรรมทางการเงินจากธนาคารทั้งของไทยและธนาคารของประเทศคู่ค้า
ขณะที่การส่งมอบข้าวนั้น รัฐบาลไทยจะต้องมีการส่งออกข้าวไปประเทศคู่ค้าจริง โดยมีหลักฐานสำคัญ คือ ใบอนุญาตให้ส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักรแบบ อ.2 (สินค้าข้าว) ออกโดยกรมการค้าต่างประเทศที่ระบุว่าเป็นการส่งออก “ข้าวรัฐบาล”