โฉมใหม่ของ “อัลเมร่า” มาตามนัด โดยเปิดตัวในเมืองไทยปลายปีที่แล้ว และหน้าตาก็เหมือนกับนิสสัน เวอร์ซ่า ที่ทำตลาดในสหรัฐอเมริกาตามคาด อัลเมร่า รุ่นเดิมถือเป็นอีโคคาร์ของนิสสันที่ขายดีที่สุดครับ ช่วง 8 ปีที่ทำตลาดกวาดยอดขายสะสมไปเกือบๆ 2 แสนคัน มากกว่า มาร์ช และโน๊ต (เพิ่งเปิดตัวปี 2560)
ส่วนโฉมใหม่ตบเท้าเข้าโครงการอีโคคาร์ เฟส 2 พร้อมเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็น 3 สูบ 1.0 ลิตร เทอร์โบ (เดิม 3 สูบ 1.2 ลิตร) และผ่านเกณฑ์ไอเสียพอดีที่ 100 กรัม/กม. อัตราบริโภคนํ้ามัน 23.3 กม./ลิตร เครื่องยนต์สหกรณ์บล็อกใหม่ของกลุ่มพันธมิตรเรโนลต์-นิสสัน แบบเบนซิน 3 สูบ ขนาด 999 ซีซี ฉีดนํ้ามันโดยตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 100 แรงม้า ที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 152 นิวตัน-เมตรที่ 2,400-4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังลงสู่ล้อคู่หน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT
จากประสิทธิผลดังกล่าว เมื่อลองทดสอบจริงๆ อย่างไรเสีย ฮอนด้า ซิตี้ ที่ใช้เครื่องยนต์พิกัดเดียวกันแต่ให้กำลังถึง 122 แรงม้า แรงบิด 173 นิวตัน-เมตร สมรรถนะจัดจ้านกว่าแน่นอนในทุกย่านความเร็ว แต่ถามว่าขุมพลังบล็อกนี้เมื่อมาประจำการในรถยนต์นั่งขนาดเล็ก นํ้าหนักเบา ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ประมาณ 12 วินาที และล็อกความเร็วไว้ 180 กม./ชม. ขับในเมืองคล่องตัว วิ่งออกทางไกลต่างจังหวัดสบาย แรงปลายไหลๆ เพียงแต่บุคลิกการตอบสนองของขุมพลังกับเกียร์ บางอารมณ์ยังมีลูกวูบวาบ ไม่ถึงกับเนียนนิ่งต่อเนื่องนัก
ภายในห้องโดยสารเก็บเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีในระดับต้นๆ ของคลาสอีโคคาร์ ส่วนงานประกอบเนี๊ยบแน่น แต่วัสดุบางชิ้นส่วน เช่น แผงหลังคา-แผงประตู ดูพรีเมียมน้อยกว่าฮอนด้า ซิตี้ และความประดักประเดิดอีกอย่างของนิสสัน อัลเมร่า คือออกแบบปุ่มโอเวอร์ไดรฟ์ ออฟ (หรือปุ่มสปอร์ต) ไว้อยู่ใต้หัวเกียร์ด้านหลัง (นึกไม่ออกว่าจะใช้นิ้วอะไรกด) ซึ่งการใช้งานไม่สะดวก
ด้วยขนาดตัวถังยาว 4,495 มม. กว้าง 1,740 มม. สูง 1,460 มม. น้อยกว่า ฮอนด้า ซิตี้ ทุกมิติ แต่อัลเมร่ากลับมีระยะฐานล้อ 2,620 มม. มากกว่า ซิตี้ ถึง 31 มม. ตรงนี้สะท้อนเรื่องความกว้างภายในห้องโดยสารที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองเอาไว้ ตัวถังที่กว้างขึ้น เตี้ยลง ตามการออกแบบรถยนต์รุ่นใหม่ เสาเอและเสาซี ที่ลาดเอียง ดูโฉบเฉี่ยวมีความพุ่งพลิ้ว ขณะเดียวกันยังย้ายกระจกมองข้างขยับเข้ามาอยู่ที่แผงประตู ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยการขับขี่ (เดิมอยู่ตรงเสาเอ เพราะมีแนวคิดเรื่องการลดเสียงลมปะทะ)
การออกแบบรวมๆ รถดูมีสัดส่วนที่ลงตัวมากขึ้น และขับดีขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด อัลเมร่า มากับล้อขนาด 15 นิ้ว ประกบยาง 195/65 R15 ในทุกเกรด (ฮอนด้า ซิตี้ หน้ายาง 185 ทุกเกรด แต่ใช้ล้อ 15 นิ้วและตัวท็อป 16 นิ้ว) ช่วงล่างหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง หลังทอร์ชันบีม พร้อมเหล็กกันโคลง การเซตยังเน้นความนุ่มนวล แต่กระนั้นผมรู้สึกว่าหนึบว่าโฉมเก่าเล็กน้อย เช่นเดียวกับพวงมาลัยผ่อนแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ขับความเร็วต่ำนํ้าหนักเบาหวิวเอี้ยวเลี้ยวสบาย แต่เมื่อเพิ่มความเร็วสูงก็แปรผันนํ้าหนักให้ตึงมือมากขึ้น(เล็กน้อย) ตอบสนองแม่นยำ ไปตามทิศทางที่คาดหมาย
อย่างไรก็ตาม หากวัดประเด็นช่วงล่างและการควบคุมผมยังชอบ ฮอนด้า ซิตี้ มากกว่า และที่ทำได้ดีอีกค่ายคือ มาสด้า 2
นิสสัน อัลเมร่า แบ่งการขายเป็น 5 รุ่นย่อย คือ S 499,000 บาท E 509,000 บาท EL 559,000 บาท V 599,000 บาท VL 639,000 บาท ปัจจุบันมียอดจองกว่า 5,000 คัน โดย 2 รุ่นบน V, VL มีสัดส่วนการขายรวมกัน 88%
ทุกรุ่นย่อยจัดความปลอดภัยมาเต็มพิกัด มีถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA ตลอดจนระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ VDC ระบบการออกตัวบนทางลาดชัน HSA เป็นมาตรฐาน ส่วนตัวท็อป VL จะเพิ่มถุงลมนิรภัยด้านข้างและม่านด้านข้างรวมเป็น 6 ลูก พร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะ ทั้ง สัญญาณเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์ด้านหน้า ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน ระบบเตือนจุดอับสายตา ระบบตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย และกล้องมองภาพรอบทิศทาง (มีกล้อง 4 จุดรอบคัน)
รวบรัดตัดความ...นิสสัน ใช้ประสบการณ์ในการขายอีโคคาร์เป็นเจ้าแรก ขายเยอะ และมีถึง 3 โมเดลเป็นทางเลือก ดังนั้น อัลเมร่า ซึ่งเป็นโปรดักต์แห่งความหวังจะต้องสมบูรณ์แบบที่สุดในการแนะนำลงสู่ตลาด แม้สมรรถนะไม่ถึงกับดุดันเด็ดขาดที่สุดในคลาส แต่ยังคงจุดเด่นคือความกว้างขวางภายในห้องโดยสาร เก็บเสียงดี เพิ่มระบบความปลอดภัยรอบคัน พร้อมยกระดับการขับขี่ และเทคโนโลยียานยนต์ให้ดีขึ้นกว่ารุ่นเก่าอย่างชัดเจน บนการตั้งราคาที่สมเหตุสมผล อยากให้คนเป็นเจ้าของได้ง่าย