“มังกร” ป่วย “หมีขาว” ก็โดนพิษไข้

02 ก.พ. 2563 | 01:49 น.

คอลัมน์หลังกล้องไซบีเรีย : “มังกร” ป่วย “หมีขาว” ก็โดนพิษไข้

 

กลายเป็นวาระใหญ่ระดับโลก เมื่อยอดจำนวนผู้ติดเชื้อ “ไวรัสโคโรนา” สายพันธุ์ใหม่ยังคงพุ่งขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเริ่มตรวจพบผู้ติดเชื้อกระจายในต่างทวีป แม้ไม่เคยเดินทางไปยังจีนก็มีโอกาสติดเชื้อผ่านคนสู่คน ยิ่งทำให้ประเทศที่มีแนวชายแดนติดกับจีนกว่า 4,000 กิโลเมตรอย่างรัสเซียออกอาการ ไม่สามารถนั่งอยู่เฉยอย่างนิ่งนอนใจได้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

นับวันไวรัสร้ายเริ่มกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้น มณฑลของแดนมังกรที่ติดกับรัสเซียเริ่มตรวจเจอผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นกันเป็นแถบ และในที่สุดรัสเซียก็กลายเป็นประเทศที่ 22 ที่ตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2 เคสแรกในแคว้นทูเมน และดินแดนซาไบคัลสกีภายในไซบีเรีย

งานนี้คงเป็นงานใหญ่สำหรับนายกรัฐมนตรีรัสเซียคนใหม่ “มิคาอิล มิชูสติน” ที่เพิ่งขึ้นมารับตำแหน่งแทนนายดีมีทรี เมดเวเดฟ หมาดๆ เมื่อกลางเดือน ที่ไม่ทันไรก็ต้องงัดสกิลมาโชว์ฝีมือการรับมือกับโรคระบาดให้ได้อย่างทันท่วงที

หลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินประกาศกำชับอย่างเด็ดขาดให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายดูแลประชน ป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวด นายกมือใหม่ตอบรับ ประกาศเปิดศูนย์รับมือไวรัสเฉพาะกิจอย่างฉับพลัน และให้รองนายกคอยออกมาอัพเดทสถานการณ์ให้ประชาชนรับทราบทุกวัน พร้อมปิดชายแดนภูมิภาคตะวันออกไกลทางตะวันออกสุดของประเทศ แหล่งธุรกิจสำคัญระหว่างสองประเทศ ปิดประตูยับยั้งไม่ให้ลามไปถึงทวีปยุโรป พร้อมย้ำให้ประชาชนเลี่ยงการเดินทางไปยังจีนในช่วงนี้ ยกเว้นกรณีที่มีความจำเป็นจริงๆ

“มังกร” ป่วย “หมีขาว” ก็โดนพิษไข้

“มังกร” ป่วย “หมีขาว” ก็โดนพิษไข้

 

วีซ่าอิเล็กทรอนิกส์ที่เคยออกให้ชาวจีนเข้ามาทำธุระในแดนหมีขาวอย่างสะดวกสบายถูกระงับชั่วคราวสำหรับจุดตรวจชายแดนในภูมิภาคตะวันออกไกล แคว้นคาลินินกราดที่ตั้งแยกออกไปในยุโรปใกล้ทะเลบอลติก แคว้นเลนินกราด และเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีชาวจีนเดินทางไปเป็นจำนวนมาก พร้อมใช้เทคโนโลยีกล้องตรวจจับความร้อนตามจุดตรวจคนเข้าเมือง ใช้มาตรการป้องกันตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อไม่ต่างจากที่เราเห็นในภาพข่าวตามสนามบินในช่วงนี้

เดือนมีนาคม คือระยะเวลาที่เร็วที่สุดที่สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งรัสเซียคาดว่าทุกฝ่ายจะคุมสถานการณ์ไวรัสได้อยู่มือ หากการแพร่กระจายยังคงลุกลามด้วยอัตราที่เป็นอยู่ ณ ขณะนี้

ตั้งแต่เชื้อไวรัสกลายเป็นข่าวใหญ่ระดับโลก เราเห็นหลายประเทศวางแผนเตรียมเจรจาส่งเครื่องบินไปรับประชาชนของตัวเองออกมาจากพื้นที่ รวมถึงไทยเราที่เพิ่งได้ไฟเขียว อนุมัติให้ส่งเครื่องบินไปรับคนไทยในอู่ฮั่นกลับบ้าน จากข้อมูลของกระทรวงต่างประเทศ รัสเซียเองก็มีพลเมืองอยู่ในมณฑลหูเป่ย์ที่ตั้งของเมืองอู่ฮั่นถึง 140 คน หลังจากที่ตรวจพบผู้ติดเชื้อในประเทศ ทางเครมลินจึงเริ่มตื่นตัวมากขึ้น เร่งมือเจรจา วางแผนส่งเครื่องบินไปรับพลเมืองหมีขาวกลับบ้านโดยทันที


“มังกร” ป่วย “หมีขาว” ก็โดนพิษไข้


เหตุการณ์ครั้งนี้กระทบเศรษฐกิจกันไปเป็นโดมิโน มีความเป็นไปได้ว่าอาจหนักหน่วงกว่าผลกระทบของการแพร่ระบาดของซาร์สเมื่อปี 2546 โดยเฉพาะเมื่อทิศทางการเงินโลกเริ่มเปลี่ยนทิศมาอยู่ที่จีนในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จนเริ่มมีเสียงสะท้อนออกจากหน่วยงานที่ดูแลด้านความอันดับความน่าเชื่อถือแห่งชาติของรัสเซีย (NCR) ที่แสดงความเป็นห่วงผลกระทบต่อตลาดน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สำคัญที่สุดของประเทศ
 

ผลพวงในระยะสั้นที่เห็นได้ชัดตอนนี้ คงหนีไม่พ้นค่าเงินที่ร่วงหล่นและธุรกิจการท่องเที่ยว แม้รัสเซียจะไม่ได้พึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักของประเทศเหมือนกับบ้านเรา แต่เมื่อขาดนักท่องเที่ยวจีนอย่างกระทันหันก็ต้องสะเทือนกันไปบ้าง อย่างที่เห็นชัดในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา ตามชายแดนของรัสเซีย มีสถิติชาวจีนที่เดินทางเข้ามาในประเทศน้อยกว่าปีที่ผ่านมาถึง 15 เท่า

อุตสาหกรรมท่องเที่ยวอาจต้องเสียหายอ่วมกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการประเมินของสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวรัสเซียหากภายในเดือนมีนาคมโลกยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เนื่องจากชาวจีนคือกลุ่มนักท่องเที่ยวอันดับหนึ่งที่เดินทางเข้ามาพักผ่อนในรัสเซียเช่นเดียวกับที่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักในไทย โดยปกติแล้ว ช่วงต้นปีซึ่งเป็นฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น มักมีนักท่องเที่ยวเข้ามาบ้างราว 45,000 คน หากเดือนหน้าจีนยังคงสั่งห้ามคนออกประเทศอย่างเด็ดขาด รัสเซียจะเสียนักท่องเที่ยวจำนวนมาก รวมแล้วในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนในรัสเซียรวม 1.3 ล้านคน น้อยกว่าปีที่แล้วที่มีสถิติเกือบ 2 ล้านคน

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โลกต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสร้ายแรง แน่นอนว่าแต่ละครั้งมักก่อให้เกิดผลกระทบในวงกว้างทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม แต่ที่ไม่มีสถานการณ์ไหนที่ไม่สามารถควบคุมได้ หากเราเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ป้องกันตัวเอง แล้ว “โคโรนา” จะไม่ใช่เรื่องที่น่าตื่นกลัวเกินไป และยับยั้งได้เมื่อทุกฝ่ายทุกประเทศให้ความร่วมมือซึ่งกันและกัน

 

หลังกล้องไซบีเรีย
เรื่อง: ยลรดี ธุววงศ์  ภาพ: Kirill Kukhmar/TASS

** พบกับ คอลัมน์ “หลังกล้องไซบีเรีย” ทุกวันอาทิตย์ ทุกช่องทางออนไลน์ของ “ฐานเศรษฐกิจ" **

Bio นักเขียน : “ยลรดี ธุววงศ์” อดีตนักข่าวที่ผ่านสนามข่าวทั้งในและต่างประเทศ จากสำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ และ Spring News ปัจจุบันเป็นนิสิตปริญญาโทอยู่ในส่วนที่หนาวเย็นที่สุดของประเทศรัสเซีย