นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า รัฐบาลและกระทรวงคมนาคมกำชับให้กรมทางหลวงและหน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศเร่งบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนการ ขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคของประชาชน หน่วยงานรัฐ และเอกชนทั่วประเทศในช่วงฤดูแล้งอย่างต่อเนื่องและจนกว่าปัญหาจะคลี่คลายลง ซึ่งกรมทางหลวงได้รายงานว่าล่าสุดได้ให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนดังกล่าวแล้วจำนวน 32 จังหวัดทั่วประเทศ คิดเป็นปริมาณน้ำ 4,353,900 ลิตร ซึ่งคาดว่าความต้องการความช่วยเหลือจะเพิ่มอีกมาก จึงได้สั่งการให้มีการเตรียมความพร้อมทั้งในด้านปริมาณน้ำ บุคลากร และอุปกรณ์ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้านนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า กรมทางหลวงและหน่วยงานในสังกัด ทั่วประเทศ ทั้งสำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวง และการประปาส่วนภูมิภาคยังคงเดินหน้าบรรเทาความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคที่เกิดจากปัญหาภัยแล้งแก่ประชาชน ผู้เดือดร้อน องค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น อำเภอ และจังหวัดทั่วประเทศ ตามโครงการ “กรมทางหลวง – การประปาส่วนภูมิภาค รวมใจต้านภัยแล้ง”อย่างต่อเนื่องตามความห่วงใยของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและรัฐบาล
ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 จนถึงปัจจุบัน (31 มกราคม 2563) ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบ ภัยแล้งทั้งประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น 4,353,900 ลิตร ใน 32 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 4,601 ครัวเรือน แยกเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 15 จังหวัด คิดเป็นปริมาณน้ำรวม 2,233,900 ลิตร รองลงมาคือภาคกลาง 8 จังหวัด 1,384,000 ลิตร ภาคเหนือ 4 จังหวัด 342,000 ลิตร ภาคตะวันตก 3 จังหวัด 264,000 ลิตร ภาคใต้ 1 จังหวัด 124,000 ลิตร และภาคตะวันออก 1 จังหวัด 6,000 ลิตร
“เราเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือชาวบ้านและหน่วยงานต่าง ๆ ทั่วประเทศอย่างเต็มที่ โดยเตรียมรถบรรทุกน้ำประจำหน่วยงานกรมทางหลวงในพื้นที่ทั่วประเทศซึ่งพร้อมสนับสนุนให้การช่วยเหลือถึง 810 คัน มีบุคลากรและเครื่องจักรที่มีความพร้อมเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนได้อย่างทันท่วงทีสามารถโทรติดต่อมาที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และพร้อมให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง” นายสราวุธ กล่าว
นอกจากนั้น กรมทางหลวงยังได้สนับสนุนน้ำในการระงับอัคคีภัยหรือไฟป่าที่เกิดขึ้น บริเวณสองข้างทาง เพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลามและสร้างความเสียหายในวงกว้าง รวมทั้งส่งผลต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของประชาชน บดบังทัศนวิสัยเกิดปัญหาต่อการคมนาคมทั้งทางบก และทางอากาศตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 จนถึงปัจจุบัน (31 มกราคม 2563) จำนวน 225 แห่งใน 27 จังหวัดทั่วประเทศ โดยอยู่ในพื้นที่ภาคกลางสูงสุดถึง 13 จังหวัด จำนวน 127 แห่ง รองลงมาคือพื้นที่ภาคเหนือ 4 จังหวัด 37 แห่ง ภาคตะวันตก 3 จังหวัด 33 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 จังหวัด 15 แห่ง และ ภาคตะวันออก 1 จังหวัด 8 แห่ง
ทั้งนี้ กรมทางหลวงยังคงเฝ้าติดตามและยืนยันความพร้อมอย่างเต็มที่ในการเข้าไปแก้ไขปัญหา รวมทั้งขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ช่วยกันสอดส่องดูแล และหากพบเหตุหมอกควันและไฟป่า สามารถขอรับความช่วยเหลือได้ที่กรมทางหลวง สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง และหมวดทางหลวง โดยสามารถ แจ้งเหตุได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 ตลอด 24 ชั่วโมง
นายสราวุธ กล่าวว่า กรมทางหลวงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศจัดจ้างแรงงาน ในท้องถิ่นโดยเฉพาะเกษตรกรมาดำเนินงานในโครงการของกรมทางหลวงที่มีอยู่ปัจจุบัน เพื่อทดแทนการสูญเสียรายได้จากการเพาะปลูกพืชตลอดฤดูแล้ง ซึ่งมีผลกระทบต่อกำลังซื้อภาคเอกชนรวมทั้งเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ และมีนโยบายสนับสนุนสร้างรายได้ให้เกษตรกรสวนยางพารา โดยมีแผนเพิ่มปริมาณการใช้น้ำยางพาราดิบในงานก่อสร้างและอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยของกรมทางหลวงประจำปี 2563 จำนวน 26,564 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 15.4% หรือจาก 23,013 ตันในปี 2562