ลงทุน"หุ้นบจ.ที่ซื้อหุ้นคืน"อย่างไรให้ได้กำไรดี 

01 ก.พ. 2563 | 01:55 น.

ดัชนีหุ้นไทยในรอบ 1 เดือนแรกของปี 63 ได้ปรับตัวลดลง 4.16% โดยปิดเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2563 ที่ระดับ 1,514 จุด

ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยผันผวน โดยเป็นเดือนของ"ไวรัสโคโรนา เอฟเฟค" ทำให้มีบริษัทจดทะเบียน (บจ.)หลายแห่งที่มีความพร้อมทางการเงิน ประกาศซื้อหุ้นคืน ( Tresury Stock ) และส่วนหนึ่งยังเป็นการส่งสัญญาณ ว่าราคาหุ้นต่ำกว่าพื้นฐาน

บล.เอเซียพลัส ออกบทวิเคราะห์ในเรื่อง "ซื้อหุ้นบจ.ที่ซื้อหุ้นคืน อย่างไรให้ได้กำไรดี " ระบุว่า การที่ บจ.ซื้อหุ้นคืน เป็นการเรียกความเชื่อมั่นให้นักลงทุน โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ( 27-31 มกราคม 2563) มี บจ.ประกาศซื้อหุ้นคืนถึง 4 บริษัท ได้แก่  บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ซื้อคืนไม่เกิน 169 ล้านหุ้นหรือไม่เกิน 10% วงเงิน 3 พันล้านบาท ,  ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK ซื้อคืนไม่เกิน 23 ล้านหุ้นหรือไม่เกิน 1.0% ใช้วงเงิน 4,600 ล้านบาท , บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI   ซื้อคืนไม่เกิน 120 ล้านหุ้นหรือไม่เกิน 5.60% วงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท  และบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL  ซื้อคืนไม่เกิน 383 ล้านหุ้น หรือไม่เกิน 2.00% วงเงินไม่เกิน 800 ล้านบาท  ซึ่งราคาหุ้นหลังประกาศถึงปัจจุบันได้ปรับตัวขึ้น   5.3%, 5.9%, 1.8% และ 3.3% ตามลำดับ

เอเซียพลัสดูข้อมูลอดีตย้อนหลัง 10 ปี กลุ่มตัวอย่าง บจ.ที่ประกาศซื้อหุ้นคืนเกือบทั้งหมด 42 บริษัท ส่วนใหญ่ซื้อหุ้นคืนในปีที่ตลาดหุ้นปรับฐานแรงเสมอ 

เช่นปี 2558 SET Index ปรับฐาน 14% (ลดลงมากสุดในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมา) มีบจ.ประกาศซื้อหุ้นคืน 5 บริษัท และมีมาต่อเนื่องในช่วงต้นปี 2559 อีก 4 บริษัท ซึ่งในปี 2559 SET Index ฟื้นตัวกว่า 19.8%

ปี 2561 SET Index ลดลง 10.8% (ลดลงมากสุดเป็นอันดับ 2 ในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมา) มีบจ.ประกาศซื้อหุ้นคืนถึง 13 บริษัท หลังจากนั้น 6 เดือน SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น10.6% ในช่วงครึ่งแรกปี 2562

ปี 2562 ส่วนใหญ่บจ.ประกาศซื้อหุ้นคืนในช่วงครึ่งหลังของปีราว 15 บริษัท หลังจากที่ SET Index ปรับฐานลงมาเยอะ

หากดูภาพรวมจะเห็นว่าหลัง บจ.ประกาศซื้อหุ้นคืน ดัชนีหุ้นมักตอบสนองเชิงบวกและมีโอกาสรีบาวด์กลับเพราะนักลงทุนตอบรับที่ผู้บริหารส่งออกมาว่า ราคาหุ้นมี Valuation น่าสนใจ แต่ความต่อเนื่องของการปรับขึ้นของราคาหุ้น ยังขึ้นกับสภาวะแวดล้อมอื่นด้วย โดยเฉพาะแรงหนุนจากฟันด์โฟว์ล

ฝ่ายวิจัยได้วิเคราะห์หาช่วงเวลาการลงทุนหุ้นที่ถูกซื้อคืน พบว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด คือ ซื้อหุ้นในวันที่ประกาศซื้อหุ้นคืน และขายทำกำไรใน 1 เดือนถัดมา พบว่ามีโอกาสได้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ยราว 2.6% บางบริษัทให้ผลตอบแทนเกิน 10%
เห็นได้ว่าการซื้อหุ้นคืน เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพยุงราคาหุ้น บวกความคาดหวัง EPS เพิ่มขึ้นจากจำนวนหุ้นที่ลดลงตามจำนวนที่ซื้อคืน รวมถึงเป็นการส่งสัญญาณว่าหุ้นถูกเกินไป

อย่างไรก็ตามแต่หลังจากนั้น ราคาหุ้นส่วนใหญ่จะย่อตัวลง โดยเฉพาะหลังประกาศซื้อหุ้นคืนเกิน 6 เดือน ผลตอบแทนที่ได้มีโอกาสย่อตัวจนติดลบ เนื่องจากบริษัท มีระยะเวลาในการซื้อหุ้นคืนได้ไม่เกิน 6 เดือน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่กดดันราคาและยังสอดคล้องกับสถิติในอดีต

โดยสรุปแล้ว จากข้อมูลในอดีตช่วงเวลาที่บจ.ประกาศซื้อหุ้นคืนจำนวนมาก ภาพรวมตลาดมีโอกาสฟื้นตัวในระยะถัดไปเสมอ ส่วนราคาหุ้นบริษัทที่ถูกประกาศซื้อหุ้นคืน มักปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีในระยะสั้น (ดีสุดคือ 1 เดือนหลังประกาศ)

ส่วนระยะยาวตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ราคามักย่อตัวลง และราคาหุ้นหลายบริษัทติดลบ สวนทางตลาดที่เริ่มฟื้นขึ้น

ลงทุน"หุ้นบจ.ที่ซื้อหุ้นคืน"อย่างไรให้ได้กำไรดี 

ลงทุน"หุ้นบจ.ที่ซื้อหุ้นคืน"อย่างไรให้ได้กำไรดี