ย้อนปมร้อนเอไอเอส-ทีโอที เปิดศึกข้อพิพาท 3.1 หมื่นล.

   เอไอเอส หรือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) ปี๊ดแตกขึ้นมาทันที เมื่อ บริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) ส่งหนังสือเพื่อชี้แจงคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการที่ได้ชี้ขาดด้วยคะแนนเสียงข้างมาก (3 ต่อ 2) ให้ เอไอเอส ชำระเงินผลประโยชน์ตอบแทนเป็นจำนวน 31,076 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 1.25 ต่อเดือนนับตังแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2558 (อ่านเพิ่มเติม...ฟ้องศาลปกครองไม่จ่าย ทีโอที 3.1หมื่นล้าน)

    พลันที่ได้รับจดหมายเท่านั้นแหละ เอไอเอส แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทไม่เห็นด้วยกับคำชี้ขาดดังกล่าวโดยเห็นว่าเป็นคำชี้ขาดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งบริษัทจะดำเนินการยื่นคำร้องเพื่อขอเพิกถอนคำชี้ขาดต่อศาลปกครองกลางภายในกำหนดเวลา 90 วันนับแต่ได้รับคำชี้ขาดต่อไป ทั้ง นี้เนื่องจากข้อพิพาทดังกล่าวยังไม่เป็นที่สิ้นสุด

    ถ้าย้อนเรื่องราวศึกครั้งนี้มาจากปมที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แปลงค่าสัมปทานกิจการโทรคมนาคมเป็นภาษีสรรพสามิต เอื้อประโยชน์บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำให้รัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท จนไปสู่กระบวนการยึดทรัพย์

   ด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมจากการแก้ไขข้อตกลงแนบท้ายสัญญาอนุญาตให้ดำเนินกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ครั้งที่ 6 ปี 2544 เรื่องการปรับลดส่วนแบ่งรายได้ระบบเติมเงิน และครั้งที่ 7 ในปี 2545 เรื่องการหักค่าใช้จ่ายในการโรมมิ่ง รวมประมาณ 7 หมื่นล้านบาท โดยบริษัท ทีโอที จำกัด อ้างว่าการแก้ไขสัญญาสัมปทาน ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

    ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ให้ เอไอเอส ต้องจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียประโยชน์ให้แก่ ทีโอที จากกรณีที่ได้มีการแก้ไขสัญญาต่างๆ ซึ่งเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับ เอไอเอส ในช่วงที่ผ่านมา

   ขณะที่ เอไอเอส ได้สัมปทาน ทีโอทีอายุสัมปทาน 25 ปี จ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้กับ บมจ.ทีโอที กว่า 2.4 แสนล้านบาท มูลค่าทรัพย์สินสัมปทานที่ส่งมอบแล้ว ราว 1.86 แสนล้านบาท

   ขณะที่ ไตรมาส3/2562 เอไอเอส  มีสินทรัพย์รวม  283,593.13 ล้านบาท ,หนี้สินรวม 221,494.66 ล้านบาท,รายได้รวม 132,589.65 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 24,124.63 ล้านบาท