ฮาร์ลีย์-เดวิดสันยืนหนึ่งพรีเมียมบิ๊กไบค์

01 ก.พ. 2563 | 07:15 น.

ปิดปี 2562 อย่างสวยงาม สำหรับแบรนด์ มะกัน“ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน” ที่มียอดจดทะเบียนทะลุ 2,182 คัน เติบโตเมื่อเทียบกับปี 2561 ที่มียอดจดทะเบียน 807 คัน ด้วยตัวเลขดังกล่าวทำให้ขยับขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ในกลุ่มพรีเมียมบิ๊กไบค์ โดยมีอันดับ 2 อย่างบีเอ็มดับเบิลยู อันดับ 3 ไทรอัมพ์ และ อันดับ 4 ดูคาติ ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จจะมาจากอะไรบ้างนั้น วันนี้ฐานยานยนต์มีบทสัมภาษณ์ “ธนบดี กุลทล” ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ การตลาด ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ประเทศไทย ที่จะมาบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด

 

ธนบดี กุลทล

 

 

 
 
ยอดเติบโต

ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา ถือว่าพึงพอใจ โดยยอดจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากรถรุ่นใหม่ราคาจับต้องได้ ปัจจุบันฮาร์ลีย์-เดวิดสัน มีรถราคาเริ่มต้นที่ 4.89 แสนบาท ในรุ่น Superlow ซึ่งเป็นรถในตระกูลสปอร์ตสเตอร์ และรุ่นที่ราคาสูงสุด CVO Limited ที่อยู่ในตระกูลทัวริ่งคัสตอม ขายอยู่ที่ 3.159 ล้านบาท

สำหรับราคาขายที่ปรับลดลง เป็นผลมาจากการประกอบจากโรงงานในประเทศ ที่สามารถผลิตได้ตั้งแต่ตระกูล ซอฟเทล, สปอร์ตสเตอร์ และทัวริ่ง ขณะที่ลูกค้าที่ตัดสินใจมาซื้อรถของเรานั้น มีกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ มาเลือกซื้อเพิ่มขึ้น และบางคนสวิตซ์จากแบรนด์ญี่ปุ่นมาเป็นฮาร์ลีย์-เดวิดสัน

ปัจจุบันฮาร์ลีย์-เดวิดสัน มีประชากรรถที่ขายออกไปแล้วมากกว่า 3,000 คันนับตั้งแต่บริษัทได้เข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการในปี 2560

เป้าหมายในปีนี้

แน่นอนว่าการดำเนินงานในทุกปีจะต้องมีเป้าหมายคือการเติบโต อย่างไรก็ตามตลาดในปีนี้ค่อนข้างจะหนัก ทั้งกลุ่มรถยนต์ และ มอเตอร์ไซค์ เพราะเริ่มมีสัญญาณบ่งบอกว่าอาจจะลดลง ดังนั้นแต่ละค่ายต้องทำงานกันมากขึ้น ในส่วนของฮาร์ลีย์-เดวิดสันก็มีแผนงานที่จะกระตุ้นตลาดต่อเนื่อง

แผนงานดันยอดขาย

ในปีนี้กิจกรรมการตลาดของเรายังคงเข้มข้น ตั้งแต่การร่วมงานอีเวนต์ใหญ่ อาทิ
มอเตอร์โชว์ , มอเตอร์เอ็กซ์โป รวมไปถึงแคมเปญข้อเสนอทางการเงินต่างๆยังคงมีต่อเนื่อง นอกจากนั้นแล้วเราจะมีโรดโชว์ ภายใต้ชื่อ “FREEDOM ON TOUR THAILAND 2020” ครั้งที่ 2 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 มกราคม - 31 พฤษภาคม 2563 โดยจะตระเวนไปที่จังหวัดเชียงใหม่, พิษณุโลก, ขอนแก่น, อุบลราชธานี, ชลบุรี, ภูเก็ต, สงขลาและปิดท้ายที่กรุงเทพฯ

ฮาร์ลีย์-เดวิดสันยืนหนึ่งพรีเมียมบิ๊กไบค์

งานดังกล่าวจะนำรถทั้ง 3 ตระกูลได้แก่ ทัวริ่ง, ซอฟเทล และสปอร์ตสเตอร์ กว่า 10 รุ่นมาให้ลูกค้าได้ทดสอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตระกูลทัวริ่งถือเป็นครั้งแรกที่ได้นำไปให้ลูกค้าได้ทดลองขับ ซึ่งหลังจากจัดสนามแรกที่เชียงใหม่ ในแง่ยอดขายยังวัดผลไม่ได้ แต่ถ้าดูจากการลงทะเบียนเข้าร่วมงานก็ถือว่าลูกค้าให้ความสนใจทดสอบรถเป็นจำนวนมาก

ส่วนแผนงานเกี่ยวกับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า Harley-Davidson LiveWire ที่เริ่มขายและส่งมอบในตลาดต่างประเทศแล้วนั้น ในส่วนของประเทศไทยต้องศึกษาความพร้อมของตลาดก่อน เพราะในปีที่ผ่านมาก็เริ่มมีรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเอ็มจี ที่ทำราคาให้เอื้อมถึงได้ นอกจากนั้นแล้วเรายังต้องดูเรื่องภาษีนำเข้าต่างๆประกอบด้วย

เล็งเพิ่มโชว์รูม

ต้นปีเราจะเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการฮาร์ลีย์-เดวิดสัน สาขาพิษณุโลกอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นเราวางแผนที่จะเพิ่มอีก 1 แห่ง ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดว่าจะเป็นทีไหนอย่างไร ส่วนดีลเลอร์ ที่มีในปัจจุบันก็มีการปรับปรุง บางรายอาจสร้างตึกใหม่ เพื่อจะรอง
รับการขายและบริการที่จะมีเพิ่มขึ้น

 

 
 
โครงสร้างภาษีรถจยย.ใหม่

เดิมทีรถบางรุ่นของเราจ่ายภาษี 17% อยู่แล้ว เพราะเครื่องยนต์หรือซีซีเราสูง ดังนั้นหากวัดตามโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ที่จะยึดตามการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เราเลยประเมินเบื้องต้นว่าไม่กระทบ เพราะหากปรับก็จะขึ้นมาอีกแค่ 1% หรือที่ 18% ที่เป็นเพดานสูงสุด

ความพร้อมของโรงงาน

ตอนนี้โรงงานของฮาร์ลีย์- เดวิดสัน สามารถผลิตรถได้ทั้ง 3 ตระกูล และส่งออกไปตั้งแต่กลางปี 2562 โดยมีตลาดหลักที่ส่งไปคือประเทศจีน, อาเซียน และยุโรป 

 

หน้า 28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,544 วันที่ 30 มกราคม -1 กุมภาพันธ์ 2563