นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุขเฟสบุ๊กไลฟ์เมื่อคืนวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยได้กล่าวถึง สถานการณ์การรับมือไวรัสอู่ฮั่น หรือไวรัสโคโรนา หลังจากที่มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในช่วงเที่ยงของวันเดียวกัน โดยในเนื้อหาได้มีการระบุว่า เป็นการไลฟ์ครั้งแรกที่พูดถึงสถานการณ์และหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรทว.สาธารณะสุข เพราะต้องการสื่อสารง่ายๆเป็นภาษาชาวบ้าน ณ ตอนนี้ ยังรับมือได้ และการรับมือได้ทำอย่างเต็มที่ ทำงานเชิงรุกแต่ไม่รับมือแบบตระหนก มราตรการรับมือต้องเข้มขึ้น ประเทศไทยจะเพิ่มระดับความเข้มของการคัดกรองมากขึ้น
“ตั้งแต่โรคนี้ได้รับรายงานว่ามีการอุบัติขึ้น กรมควมคุมโรคเริ่มปฎิบัติงานทันที กรมฯมีประสบการณ์ ทำมาเป็นสิบๆปี บางทีที่ผมไม่แสดงอาการซีเรียสมาก เพราะผมตกใจไปอีกคนจะวุ่นวาย ทีมงานจะตื่นตระหนก ที่ผมชิลๆไม่ซีเรียส เป็นสิ่งที่ผมแสดง ว่าสถานการณ์ยังอยู่ในการควบคุมที่ดี นายกฯสั่งว่า อย่าปิดบัง ต้องเปิดเผยกับประชาชน
ได้สั่งการให้ดำเนินการเต็มที่ ดูแลรักษาในห้องแยก ยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่หมอจึงขอพูดเป็นภาษาที่ทำให้เข้าใจง่าย พบทั้งหมด 8 ราย 3 รายรักษาหายแล้ว และส่งตัวกลับไปยังประเทศจีนแล้ว ขออย่าให้ตั้งคำถามว่า 3 รายส่งไปไหน เพราะไม่ใช่ปัญหาของเรา จบหน้าที่ ส่วนอีก 2 ราย อาการดีขึ้นตามลำดับ ถ้าไม่ต้องยืนยันตามขั้นตอนของการควบคุมโรคก็ถือว่าหายแล้ว แต่ในการปฎิบัติต้องทำตามขั้นตอน ซึ่งหากยังไม่สามารถกลับประเทศได้ก็ให้พำนักอยู่ในประเทศไทย และสามารถเที่ยวต่อในประเทศไทยได้เพราะหายแล้ว
โรคนี้กระทรวงสาธารณะสุขให้ความสำคัญ นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับโรคนี้มาก และมีการประสานงานกับทุกหน่วย ได้โทรศัพท์ไปยังผู้อำนวยการองค์การอนามัยโรค พูดคุยกับอธิบดีทุกกรมของกระทรวง มีการพูดคุยกันตลอดเวลา มีการทำงานเชิงรุกแต่เป็นการทำงานที่ไม่ทำให้เกิดการตื่นตระหนก และไม่ได้นิ่งนอนใจ
ขอขอบคุณ คนที่เข้าใจและรับฟังข้อมูล ที่ต้องดำเนินการไลฟ์แบบนี้ เพราะเวลาไปแถลงต้องใช้ศัพท์เทคนิคก็ขอให้กระทรวงสาธารณะสุขเป็นผู้แถลง ส่วนผมจะขอพูดคุยเป็นภาษาชาวบ้าน”
วันนี้ทั้งวันมีการประชุมกระทรวง และแถลงในช่วงบ่าย รวมถึงตอนเย็นก็มีประชุม
ผมในฐานะรองนายกฯ และดูแลกระทรวงสาธารณะสุข กระทรวงท่องเที่ยว กระทรวงคมนาคม ทั้งหมดนี้ถือเป็นด่านแรกในการรับมือเรื่องนี้”
พร้อมยังได้อธิบายถึง 5 มาตรการในการรับมือสถานการณ์