ขุนคลัง ยัน งบ63 ช้า ไม่กระทบลงทุนใน EEC

23 ม.ค. 2563 | 11:21 น.

ที่ประชุมคณะอนุกรรมการ EEC เห็นชอบแผนบริหารจัดการน้ำระยะสั้น-ยาว มั่นใจไม่มีปัญหา แม้งบประมาณรายจ่ายปี 63 ยังใช้ไม่ได้ จะไม่กระทบลงทุนแน่นอน

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ EEC ทั้งระยะสั้น และระยะยาว เพื่อรับมือปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้น รวมถึงโครงการจัดหาพลังงานสะอาด (พลังงานแสงอาทิตย์) ในเขต EEC ด้วย โดยหลังจากนี้จะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการ EEC และคณะรัฐมนตรี(ครม.) ต่อไป ซึ่งยืนยันแม้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ยังไม่มีผลบังคับใช้ แต่จะไม่กระทบกับการลงทุนใน EEC เพราะส่วนใหญ่การลงทุนดังกล่าว จะมาจากการร่วมทุนตามแผน PPP ซึ่งจะมีเม็ดเงินลงทุนเริ่มต้นจากภาคเอกชน

ขุนคลัง ยัน งบ63 ช้า ไม่กระทบลงทุนใน EEC

“แผนในระยะสั้นใน EEC ก็มีเอกชนเดินหน้าโครงการก่อนได้ เพราะเป็นเรื่องที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนแผนลงทุนในระยะยาวนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบมาก สามารถวางแผนบริหารจัดการได้ก่อน และเมื่องบประมาณมาก็สามารถเดินหน้าลงทุนได้ทันที ดังนั้นจึงไม่สะดุดแน่นอน”นายอุตตม กล่าว

ทั้งนี้ในระยะสั้นได้ขอความร่วมมือให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ร่วมกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดทำแผนใช้น้ำลดลง 10% ช่วงเดือนม.ค.– มิ.ย. 2563 แต่หากฝนตกล่าช้าจากปกติเดือนมิ.ย.ออกไปอีก ก็ได้วางแผนลดความเสี่ยงด้วยการสูบน้ำกลับคลองสะพาน มายังอ่างเก็บน้ำประแสร์ ที่คาดว่าจะมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น 20 ล้านลูกบาศก์เมตร พร้อมทั้งสูบน้ำคลองหลวง ณ จุดพานทองเข้ากับท่อส่งน้ำคลองพระองค์ไชยานุชิต - บางพระ คาดว่าจะมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น 70 ล้านลูกบาศก์เมตร และผันน้ำอ่างเก็บน้ำประแกด (ลุ่มน้ำวังโตนด) จ.จันทบุรี มายังอ่างเก็บน้ำประแสร์ คาดว่าจะมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น 70 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งดำเนินการเสร็จทั้ง 3 โครงการ จะมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น 170 ล้านลูกบาศก์เมตร เพียงพอต่อการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่อุตสาหกรรม EEC และเพียงพอต่อการใช้ของประชาชนในพื้นที่แน่นอน

ขุนคลัง ยัน งบ63 ช้า ไม่กระทบลงทุนใน EEC

ส่วนในระยะยาวได้จัดทำแผนบริหารจัดการน้ำของปี 2563 – 2580 ภายใต้โครงการพัฒนาแหล่งน้ำและการจัดการทรัพยากรน้ำรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (ปี 2563 – 2580) วงเงินลงทุน 52,797 ล้านบาท และแผนการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุน 38 โครงการ วงเงินลงทุน 50,691.10 ล้านบาท เช่น สร้างอ่างเก็บน้ำ คลองวังโตนด อ่างเก็บน้ำ คลองโพล้ และพัฒนาระบบสูบกลับคลองสะพาน - อ่างเก็บน้ำประแสร์ เป็นต้น

ขุนคลัง ยัน งบ63 ช้า ไม่กระทบลงทุนใน EEC

รวมถึงจัดทำแผนการบริหารจัดการด้านความต้องการใช้น้ำ 9 โครงการ วงเงิน 1,927.15 ล้านบาท เช่น แผนการบริหารจัดการลดน้ำสูญเสีย การประปาส่วนภูมิภาค สาขาต่าง ๆ ปรับระบบการเพาะปลูก เป็นต้น และมาตรการอื่นๆ การศึกษาจัดทำฐานข้อมูลพัฒนาน้ำบาดาล 3 โครงการ วงเงิน 178.99 ล้านบาท

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้เห็นชอบโครงการจัดหาพลังงานสะอาด (พลังงานแสงอาทิตย์) ในเขต EEC ตามที่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) เสนอ โดยให้มีการศึกษา พัฒนา ลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานหมุนเวียนรูปแบบอื่น ๆ และระบบกักเก็บพลังงาน ในพื้นที่อีอีซี และส่วนขยาย ให้เป็นสังคมคาร์บอนต่ำ เพื่อบรรลุเป้าหมายสัดส่วนเชื้อเพลิงฟอสซิล ต่อพลังงานแสงอาทิตย์ ผลิตไฟฟ้าเป็น 70 : 30 พร้อมเร่งรัดการลงทุน ร่วมกับภาคเอกชน ให้มีการผสมผสานระหว่างการเกษตร และการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ไม่น้อยกว่า 500 เมกะวัตต์ จำหน่ายในพื้นที่ รวมทั้งให้ศึกษาความเหมาะสม และพัฒนาระบบกักเก็บพลังงาน ร่วมกับระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ช่วยรักษาเสถียรภาพ และบริหารความต้องการไฟฟ้าสูงสุดช่วงเวลากลางคืน

ขุนคลัง ยัน งบ63 ช้า ไม่กระทบลงทุนใน EEC