ถอดรหัสคำพิพากษาส.ส.เสียบบัตรแทน สะเทือนงบ 63

21 ม.ค. 2563 | 18:53 น.

จากกรณีที่​ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุถึงพฤติกรรมของ 2 ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล​ ให้เพื่อนสมาชิกเสียบบัตรแทนในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ระหว่างวันที่ 10-11 มกราคมที่ผ่านมาว่า อาจไปซ้ำรอย​ “คดีร่างพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน” กรณีที่มีส.ส.ใช้บัตรแสดงตนและออกเสียงลงคะแนนในระบบอิเล็กทรอนิกส์แทน ส.ส.รายอื่น ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำพิพากษาไว้เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2557   ระบุว่า

"การกระทำดังกล่าว นอกจากจะเป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งถือได้ว่า เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยซึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่โดยไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือการครอบงำใดๆ และต้องปฏิบัติด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทย โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 122 แล้ว ยังขัดต่อหลักความซื่อสัตย์สุจริต ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ปฏิญาณตนไว้ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 123

และขัดต่อหลักการออกเสียงลงคะแนนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 126 วรรคสามที่ให้สมาชิกคนหนึ่งมีเพียงหนึ่งเสียง ในการออกเสียงลงคะแนน มีผลทำให้การออกเสียงลงคะแนนของสภาผู้แทนราษฎรในการประชุมพิจารณานั้น เป็นการออกเสียงลงคะแนนที่ไม่สุจริต ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่แท้จริงของผู้แทนปวงชนชาวไทยเมื่อกระบวนการออกเสียงลงคะแนนในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

จึงถือว่า มติของสภาผู้แทนราษฎรในกระบวนการตราร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นมติที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ อันมีผลให้ร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ"

“ฐานเศรษฐกิจ” พาไปเปิดแฟ้มอ่านคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญในคดีนี้กันโดยมีสาระสำคัญ ดังนี้  

การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่สอง เมื่อวันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2556 ปรากฏว่า มีการใช้บัตรแสดงตนและลงคะแนนแทนผู้อื่น โดยผู้ร้องที่ 2 (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กับ คณะ รวม 146 คน) อ้างว่า นายนริศร ทองธิราช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสกลนคร สังกัดพรรคเพื่อไทย ได้ใช้บัตรแสดงตนแทนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้อื่นประมาณสี่ถึงห้าคน และใช้บัตรลงมติเห็นชอบในร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... มาตรา 6 แทนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้อื่นอีกประมาณสามถึงสี่คน จึงได้ตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวจากคลิปวีดิทัศน์ โดยวิธีการเทียบเสียงที่พูดในคลิปวีดิทัศน์กับรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 24 ปีที่ 3 ครั้งที่ 11 (สมัยสามัญทั่วไป) เป็นพิเศษ วันศุกร์ที่ 20 กันยายน  2556 ณ ตึกรัฐสภา หน้า 106/2 ถึงหน้า 107/2 แล้ว

พบว่า ถ้อยคำที่พูดในคลิปวีดิทัศน์และข้อความที่ปรากฏในหลักฐานทั้งสองตรงกันทุกประการ การที่นายนริศร ทองธิราช ได้ใช้บัตรแสดงตนแทนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้อื่นเป็นการกระทำ ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 126 ที่บัญญัติให้สมาชิกคนหนึ่งมีหนึ่งเสียงในการออกเสียงลงคะแนน และมาตรา 130 ที่บัญญัติให้การลงคะแนนเป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแต่ละคน

ดังนั้น การที่กระบวนการตราร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... ในวาระที่สอง มาตรา 6 มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนหนึ่งได้ลงคะแนนเสียงเกินกว่าหนึ่งคะแนน และลงคะแนนโดยละเมิดเอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้อื่นด้วยนั้น จึงมีผลให้การลงคะแนนดังกล่าวต้องตกเป็นโมฆะ เพราะเป็นการกระทำที่ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย ขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

นางสาวรังสิมา รอดรัศมี ยื่นคำชี้แจงเป็นหนังสือพร้อมทั้งยื่นพยานหลักฐานเป็นคลิปวีดิทัศน์ ประกอบคำชี้แจง และชี้แจงด้วยวาจา สรุปได้ว่า เมื่อครั้งพยานเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ได้ร้องเรียนกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใช้บัตรลงคะแนนแทนกัน มาโดยตลอด แต่ประธานในที่ประชุมเพิกเฉยไม่ดำเนินการใดๆ

สำหรับในคดีนี้ พยานยืนยันว่า นายนริศร ทองธิราช ได้ใช้บัตรแสดงตนและลงคะแนนแทนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่นในการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... มาตรา 6 และมาตรา  20 ตามที่ปรากฏในคลิปวีดิทัศน์ ประกอบคำร้องของผู้ร้องที่ 2 (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กับ คณะ รวม 146 คน) ที่เป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ในวาระที่สอง มาตรา 6 เมื่อวันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2556 และตามคลิปวีดิทัศน์ประกอบหนังสือชี้แจงของพยาน ลงวันที่ 6 มกราคม 2557 ที่เป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ในวาระที่สอง มาตรา 20  เมื่อวันศุกร์ที่ 20 กันยายน  2556 ซึ่งคลิปวีดิทัศน์ทั้งสองนั้น พยานได้ให้เจ้าหน้าที่บันทึกภาพเหตุการณ์ไว้เพื่อเป็นหลักฐาน

ศาลรัฐธรรมนูญได้เปิดคลิปวีดิทัศน์และให้พยานอธิบายเหตุการณ์ตามภาพที่ปรากฏ พร้อมตอบข้อซักถาม พยานยืนยันว่า เป็นเหตุการณ์ระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... สำหรับเสียงพูดในคลิปวีดิทัศน์ คือ เสียงของนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้น และบุคคลในคลิปวีดิทัศน์ซึ่งกำลังใช้บัตร คือ นายนริศร ทองธิราช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนคร

พยานชี้แจงต่อไปว่า วิธีการใช้บัตรลงคะแนนนั้น ประธานในที่ประชุมจะแจ้งให้สมาชิกแสดงตน เพื่อนับองค์ประชุม จากนั้นสมาชิกจะเสียบบัตรลงในช่องอ่านบัตรเพื่อแสดงตน เมื่อประธานในที่ประชุม แจ้งให้สมาชิกลงมติได้ สมาชิกจะกดปุ่มลงคะแนนอย่างหนึ่งอย่างใด ซึ่งสามารถเลือกกดปุ่มเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย หรืองดออกเสียง

นายนริศร ทองธิราช ยื่นคำชี้แจงเป็นหนังสือและชี้แจงด้วยวาจา สรุปได้ว่า บัตรที่ใช้ในการออกเสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมี 3 ประเภท ได้แก่ บัตรประจำตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บัตรลงคะแนนเสียง และบัตรลงคะแนนเสียงสำรองซึ่งมีไว้ในกรณีบัตรลงคะแนนเสียงเกิดปัญหาใช้งานไม่ได้

สำหรับกรณีบัตรของพยานมักจะมีปัญหาเป็นประจำ พยานจึงเตรียมบัตรสำรองไว้เสมอ ซึ่งเมื่อดูภาพในคลิปวีดิทัศน์อาจเห็นเสมือนว่า พยานถือบัตรลงคะแนนหลายบัตร แต่พยานยืนยันว่า พยานไม่ได้ลงคะแนนแทนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น

นอกจากนั้นการกล่าวอ้างเรื่องการใช้บัตรลงคะแนนแทนกันได้มีการตั้งกรรมาธิการตรวจสอบข้อเท็จจริงหลายครั้ง แต่ผลปรากฏว่า ไม่พบการกระทำความผิดหรือมีคำสั่งลงโทษผู้ถูกกล่าวหา และพยานก็ไม่ได้ถูกร้องเรียน หรือถูกตั้งกรรมการตรวจสอบว่า ได้กระทำการดังกล่าวแต่อย่างใด

สำหรับคลิปวีดิทัศน์ที่ ผู้ร้องที่ 2 (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กับ คณะ รวม 146 คน) กล่าวอ้าง พบข้อพิรุธในเรื่องระยะเวลาที่ประธานในที่ประชุมขอผลการลงคะแนน ในคลิปวีดิทัศน์ใช้ระยะเวลากว่า 1 นาที 23 วินาที ทั้งที่โดยปกติแล้วจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 2 ถึง 3วินาทีต่อการลงคะแนนแต่ละครั้ง ภาพในคลิปวีดิทัศน์จึงหาใช่การลงคะแนนเพื่อขอมติในที่ประชุม และคลิปวีดิทัศน์ดังกล่าวอาจมีการตัดต่อมาประกอบข้ออ้างเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของฝ่ายผู้ร้อง และด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 130 วรรคหนึ่ง และมาตรา 126 วรรคสาม บัญญัติให้การออกเสียงลงคะแนนย่อมเป็นเอกสิทธิ์โดยเด็ดขาดของพยานในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้ใดจะนำไปเป็นเหตุฟ้องร้องว่ากล่าวพยานในทางใดมิได้ ศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่อาจรับฟังข้อเท็จจริงในประเด็นนี้

ศาลรัฐธรรมนูญได้เปิดคลิปวีดิทัศน์ซึ่งเป็นพยานหลักฐานประกอบคำร้องของผู้ร้องที่ 2 (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กับ คณะ รวม 146 คน) และคลิปวีดิทัศน์ซึ่งเป็นพยานหลักฐานประกอบหนังสือชี้แจงของ นางสาวรังสิมา รอดรัศมี และให้พยานอธิบายเหตุการณ์ตามภาพที่ปรากฏพร้อมตอบข้อซักถาม พยานรับว่า บุคคลที่ปรากฏในภาพของคลิปวีดิทัศน์ทั้งสองเป็นตัวพยานจริง และเสียงพูดในคลิปวีดิทัศน์เป็นเสียงของนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร แต่พยานไม่รู้ว่า เป็นการประชุมพิจารณาเรื่องใด ส่วนภาพในคลิปวีดิทัศน์ที่เห็นว่า พยานมีบัตรลงคะแนนหลายบัตรนั้นยืนยันว่า เป็นบัตรของพยาน เนื่องจากพยานมักจะลืมบัตรลงคะแนน และทำบัตรลงคะแนนหายบ่อยครั้ง พยานจึงมีทั้งบัตรจริงและบัตรสำรอง และพยานมีพฤติกรรม ชอบเสียบบัตรลงคะแนนของตนหลายครั้งในการแสดงตนและลงคะแนน ซึ่งพยานกระทำเช่นนี้มาเป็นเวลานานแล้ว

ทั้งนี้ พยานไม่ได้นำบัตรจริงและบัตรสำรองของตนแสดงต่อศาล แต่ได้ชี้แจงถึงรูปร่างลักษณะของบัตรว่า บัตรจริงมีรูปถ่ายบุคคลปรากฏที่บัตร ส่วนบัตรสำรองจะไม่มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ร้องที่ 2 ได้ชี้แจง สรุปได้ว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแต่ละคนมีบัตรแสดงตนและลงคะแนนที่เป็นบัตรจริงได้เพียง 1 บัตรเท่านั้น หากบัตรจริงชำรุดสูญหายต้องยื่นเรื่องขอบัตรจริงใหม่ซึ่งรหัสที่บันทึกในบัตรเดิมจะถูกยกเลิกไม่สามารถนำมาใช้ในเครื่องลงคะแนนได้

ส่วนกรณีสมาชิกไม่ได้นำบัตรจริงมาในการประชุมครั้งใด สมาชิกสามารถขอบัตรสำรองจากเจ้าหน้าที่ได้ แต่บัตรสำรองมีรูปร่างลักษณะแตกต่างจากบัตรจริง โดยบัตรสำรองเป็นบัตรสีชมพูและไม่มีรูปถ่ายบุคคลปรากฏที่บัตร และเป็นไปไม่ได้ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนหนึ่งจะมีบัตรได้ถึงสามสี่บัตรซึ่งภาพที่ปรากฏในคลิปวีดิทัศน์เห็นได้ว่า บัตรมีลักษณะเหมือนกันและไม่ใช่บัตรสำรอง

ส่วนระบบบันทึกการลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ บัตรที่ใช้ชื่อสมาชิกคนเดียวกันจะมีรหัสชุดเดียวกัน หากสมาชิกใช้บัตรที่มีชื่อสมาชิกคนเดียวกันลงคะแนนไปแล้ว เมื่อดึงบัตรนั้นออกมาและนำบัตรที่เป็นรหัสของบุคคลเดียวกันเสียบเข้าไปอีก เครื่องลงคะแนนจะแสดงสัญญาณไฟว่า สมาชิกได้ลงคะแนนไปแล้ว สมาชิกคนนั้นไม่สามารถกดปุ่มลงคะแนนซ้ำอีกซึ่งภาพที่ปรากฏในคลิปวีดิทัศน์เห็นได้ว่า เมื่อบุคคลในภาพดึงบัตรออกและเสียบบัตรเข้าไปใหม่ก็ต้องกดแสดงตนอีกครั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ร้องที่ 2 จึงยืนยันว่าภาพที่ปรากฏในคลิปวีดิทัศน์เป็นการลงคะแนนแทนบุคคลอื่นอย่างแน่นอน

ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ประเด็นที่หนึ่ง ร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... ตราขึ้นโดยถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่

พิจารณาแล้วเห็นว่า ปัญหาที่ต้องพิจารณาวินิจฉัยประการแรกตามที่ผู้ร้องที่ 2 (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กับ คณะ รวม 146 คน) กล่าวอ้างว่า การแสดงตนและลงมติในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากนายนริศร ทองธิราช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินี้แทนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น ซึ่งมีปัญหาที่ต้องพิจารณาก่อนว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติแทนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น ที่ปรากฏภาพในคลิปวีดิทัศน์ คือ บุคคลใด

จากการไต่สวนผู้ร้องที่ 2 (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) และนางสาวรังสิมา รอดรัศมี พยานของผู้ร้องที่ 2 ยืนยันว่า บุคคลตามภาพในคลิปวีดิทัศน์ คือ นายนริศร ทองธิราช

อีกทั้งนายนริศร ทองธิราช รับต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า บุคคลตามภาพในคลิปวีดิทัศน์เป็นตนเองจริง ปัญหาที่ต้องพิจารณาวินิจฉัยต่อมาว่า ภาพในคลิปวีดิทัศน์แผ่นที่ 1 เป็นการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติใด

จากการไต่สวนนางสาวรังสิมา รอดรัศมี และนายนริศร ทองธิราช ชี้แจงต่อ ศาลรัฐธรรมนูญสอดคล้องต้องกันว่า เสียงที่ปรากฏในคลิปวีดิทัศน์ คือ เสียงของนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานในที่ประชุมของสภาผู้แทนราษฎรที่กล่าวว่า

“ขอตรวจสอบองค์ประชุมนะครับ ส่งผลคะแนน 310 ท่าน ครบองค์ประชุม เป็นการลงมติในมาตรา 6 ไม่มีการแก้ไข เชิญสมาชิกใช้สิทธิออกเสียง ลงคะแนนครับ” เมื่อตรวจสอบรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 24 ปีที่ 3 ครั้งที่ 11 (สมัยสามัญทั่วไป) เป็นพิเศษ วันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2556 ซึ่งเป็นการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... แล้วเห็นว่าตรงกัน

นอกจากนี้เสียงในคลิปวีดิทัศน์แผ่นที่ 2 ได้ปรากฏเสียงของประธานในที่ประชุม กล่าวว่า “ขอสงวนคำแปรญัตติเพิ่มความเป็นมาตรา 20 โปรดกดปุ่มเห็นด้วยครับ สมาชิกท่านใด ไม่เห็นด้วยกับกรรมาธิการที่ขอสงวนความเห็นหรือผู้แปรญัตติเพิ่มความเป็นมาตรา 20 โปรดกดปุ่ม ไม่เห็นด้วยครับ”

เมื่อตรวจสอบรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 24 ปีที่ 3 ครั้งที่ 11 (สมัยสามัญทั่วไป) เป็นพิเศษ วันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2556 ซึ่งเป็นการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... แล้วเห็นว่าตรงกัน

จึงฟังได้ว่า คลิปวีดิทัศน์ดังกล่าวเป็นการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... มาตรา 6 และมาตรา 20 ตามที่ผู้ร้องที่ 2 กล่าวอ้างจริง

สำหรับข้อโต้แย้งของนายนริศร ทองธิราช ที่อ้างว่า ภาพในคลิปวีดิทัศน์เป็นการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติ เนื่องจากตนเองมีบัตรหลายบัตรทั้งบัตรจริงและบัตรสำรอง ประกอบกับตนเองมีพฤติกรรมเสียบบัตรหลายครั้งในการแสดงตนและลงมตินั้น

ข้อเท็จจริงในทางไต่สวน ปรากฏว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแต่ละคนจะมีบัตรฉบับจริงโดยมีรูปภาพเจ้าของบัตรได้เพียงคนละ 1 บัตร และจะขอบัตรสำรองได้อีก 1 บัตรซึ่งบัตรสำรองจะไม่มีรูปภาพเจ้าของบัตร ส่วนภาพที่ปรากฏในคลิปวีดิทัศน์ดังกล่าว ปรากฏว่า บัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนทุกบัตรที่นายนริศร ทองธิราช เสียบในเครื่องอ่านบัตรและกดปุ่มแสดงตนหรือลงมติ มีรูปภาพปรากฏอยู่ทุกบัตร ประกอบกับข้อที่นายนริศร ทองธิราช กล่าวอ้างนั้น เป็นพฤติกรรมที่ไม่มีเหตุผล ผิดวิสัยของผู้ที่มีฐานะเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย และขัดต่อพฤติกรรมโดยปกติของวิญญูชน ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวจึงไม่อาจรับฟังได้

ดังนั้น จึงฟังได้ว่า นายนริศร ทองธิราช ได้ใช้บัตรแสดงตนและลงมติแทนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่นในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. ....

ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่า การกระทำของนายนริศร ทองธิราช มีผลให้การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่

เห็นว่า การกระทำดังกล่าว นอกจากจะเป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งถือได้ว่า เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยซึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่โดยไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือการครอบงำใดๆ และต้องปฏิบัติด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทย โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 122 แล้ว ยังขัดต่อหลักความซื่อสัตย์สุจริต ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ปฏิญาณตนไว้ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 123และขัดต่อหลักการออกเสียงลงคะแนนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 126 วรรคสามที่ให้สมาชิกคนหนึ่งมีเพียงหนึ่งเสียง ในการออกเสียงลงคะแนน มีผลทำให้การออกเสียงลงคะแนนของสภาผู้แทนราษฎรในการประชุมพิจารณานั้น เป็นการออกเสียงลงคะแนนที่ไม่สุจริต ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่แท้จริงของผู้แทนปวงชนชาวไทย

เมื่อกระบวนการออกเสียงลงคะแนนในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จึงถือว่า มติของสภาผู้แทนราษฎรในกระบวนการตราร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นมติที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ อันมีผลให้ร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้

อ่านมาถึงบรรทัดนี้ น่าจะเห็นภาพกันแล้วว่า“ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563” ที่เพิ่งผ่านการลงมติเห็นชอบจากสมาชิกวุฒิสภาไปหมาดๆอาจจะเกิดปัญหาตามมาได้หรือไม่