Farm factory สร้างความต่างให้จานสลัด ปั้นธุรกิจยั่งยืน

21 ม.ค. 2563 | 03:05 น.

 

 

การทำธุรกิจให้ยั่งยืนลำดับแรกจะต้องออกจากตลาดการแข่งขันทางด้านราคาให้ได้ และหากเป็นไปได้จะต้องไม่ทำตามแบบของผู้ใด  แต่สามารถศึกษาแนวทางได้  เพราะหากทำตามก็จะไม่มีความแตกต่าง  ซึ่งในที่สุดแล้วเราก็จะเป็นได้แค่เบอร์ 2 ไม่แซงเบอร์ 1 ที่ทำมาก่อน ดังนั้น  หากต้องการเป็นผู้นำในตลาดเราจะต้องสร้างทางเดินของเราเอง  สร้างกติกาขึ้นมาใหม่ โดยผู้ที่จะเข้ามาแข่งขันหากไม่รู้ในจุดนี้ก็จะต้องเป็นผู้ตามเราหรือเลียนแบบเรา  ซึ่งจะทำให้เราดูมีมูลค่าเพิ่มขึ้นไปอีก  เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าอย่างไรผู้บริโภคย่อมแสวงหาร้านต้นตำรับ หากเรารักษาคุณภาพไม่ให้ตกลงเราก็ยังคงเป็นผู้นำในตลาดอยู่ 

“ในทางกลับกันหากผู้นำปรับเปลี่ยนมาเดินเล่นจากที่เคยวิ่ง  เพราะรู้สึกว่าตนเองประสบความสำเร็จแล้ว ลอยลำแล้ว ผู้ที่วิ่งตามเราเดี๋ยวก็แซง เพราะว่าเราหยุดพัฒนา เราจะต้องควบคุมตนเองให้มีการเปลี่ยนแปลงก่อนที่ตลาดจะเปลี่ยนแปลงเรา เพราะเราวางตนเองให้เป็นผู้นำตลาด เราต้องเป็นผู้ควบคุม ดีกว่าให้ผู้อื่นมาควบคุมเรา”

นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวมุมมองทางความคิดในการทำธุรกิจของ“บุญชะนะ เอกวานิช” ผู้ก่อตั้งและประธาน บริษัท ฟาร์มแฟคทอรี  เวิร์ล  จำกัด เจ้าของธุรกิจฟาร์มแฟคทอรี (Farmfactory) ร้านสลัดที่กล้าฉีกแนวทางการทำธุรกิจจนได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค ที่บอกกับ “ฐานเศรษฐกิจ” โดยที่ชายหนุ่มคนนี้ยังมีแนวคิดที่น่าทึ่งในการสร้างธุรกิจจนประสบความสำเร็จอีกมาก

Farm factory  สร้างความต่างให้จานสลัด  ปั้นธุรกิจยั่งยืน

แรงบันดาลใจจากแม่

บุญชนะ บอกว่า Farmfactory ไม่ใช่ธุรกิจแรกที่ตนเองทำ แต่ก็เป็นการต่อยอดมาจากธุรกิจเริ่มต้น ซึ่งตนทำฟาร์มปลูกผักปลอดสารพิษ  เนื่องจากช่วงหนึ่งของชีวิตตนต้องกลับไปดูแลคุณแม่ที่ป่วยเป็นโรคไต  โดยที่ตนได้ลองคิดวิเคราะห์จุดกำเนิดของโรคว่าสาเหตุน่าจะมาจากการรับประทานอาหารเป็นหลัก  จนทำให้เกิดความสนใจแผนธุรกิจเกี่ยวกับทางด้านอาหารเพื่อสุขภาพ  และพยายามศึกษาหาความรู้จากแหล่งต่างๆ หลังจากนั้นตนจึงเริ่มสร้างธุรกิจแบบเป็นขั้นเป็นตอนตั้งแต่ศูนย์จนสามารถก้าวต่อไปได้ แม้ว่าระหว่างทางจะประสบกับปัญหามากมาย แต่ก็ต้องถือว่าเป็นข้อดีเพราะเมื่อเจอปัญหาก็จะต้องหาทางพัฒนาธุรกิจมาเรื่อยๆ

Farm factory  สร้างความต่างให้จานสลัด  ปั้นธุรกิจยั่งยืน Farm factory  สร้างความต่างให้จานสลัด  ปั้นธุรกิจยั่งยืน

ทั้งนี้ โจทย์ของตนก็คือจะต้องทำอย่างไรให้กลายเป็นอาชีพสร้างรายได้ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้ผู้อื่นมีสุขภาพดีตามไปด้วย เพราะไม่ต้องการให้ผู้อื่นเป็นเหมือนกับคุณแม่  โดยเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิด ซึ่งทำให้บอกกับตนเองว่า หากทำแล้วจะต้องทำให้ดี หากทำไม่ดีก็ไม่ต้องทำดีกว่า โดยเมื่อมีความคิดจะต่อยอดธุรกิจให้เป็นร้านจำหน่ายสลัด ตนก็เริ่มคิดการใหญ่ เนื่องจากในสมัยนั้นยังมีผู้ใดที่ทำร้านจำหน่ายสลัดอย่างเดียวโดยเฉพาะ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหม่ในตลาดของอุตสาหกรรมดังกล่าวนี้ โดยส่วนใหญ่จะทำร้านสเต๊ก หรือทำร้านอาหารแบบเต็มรูปแบบ และมีสลัดเป็นเมนูเสริม

“ตนต้องการสร้างชื่อในรูปแบบที่ลูกค้าสามารถจดจำได้ทันที  ดังนั้น ตนจึงต้องการเป็นสเปเชียลลิสต์ทางด้านสุขภาพ เพราะเมื่อผู้บริโภคนึกถึงสุขภาพก็จะต้องคิดถึงสลัด  เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นผัก ตนจึงเลือกที่จะทำเมนูเดียวนี้ให้เก่งไปเลย ให้ลูกค้าได้รำลึกว่าเมื่อต้องการทานสลัดจะต้องมาหาเราเป็นลำดับแรก  หากนึกภาพก็จะต้องเป็นเหมือนร้านกาแฟเจ้าดังที่คอกาแฟต้องนึกถึงเป็นลำดับแรก  เราเองก็ต้องการเป็นเจ้าของสลัด”

Farm factory  สร้างความต่างให้จานสลัด  ปั้นธุรกิจยั่งยืน Farm factory  สร้างความต่างให้จานสลัด  ปั้นธุรกิจยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องการสร้างธุรกิจให้เป็นไปในลักษณะดังกล่าว  ตนจะต้องทำให้คาแรกเตอร์ของร้านชัดเจน  ซึ่งก่อนที่จะทำต้องทำการศึกษาขนาดของตลาดว่ามีมูลค่าพอให้เติบโตจนกลายเป็นกระแสได้หรือไม่  หรือเป็นเพียงแค่ความต้องการเฉพาะกลุ่มหรือไม่  โดยไม่ได้ต้องการทำแค่เฉพาะในประเทศไทย ซึ่งเมื่อคิดการณ์ใหญ่กลยุทธ์การทำตลาดจึงต้องใหญ่ตามไปด้วย โดยที่ตนต้องไปศึกษาแบรนด์ระดับโลกว่ามีแนวทางการนำเสนอแบรนด์ หรือวางตำแหน่งทางการตลาดอย่างไร

 

สร้างความต่างในตลาด

บุญชนะ บอกต่อไปอีกว่า  ตนจึงทำเสมือนว่าเป็นแบรนด์ระดับโลกเข้ามาเปิดธุรกิจในไทย โดยทำผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับตำแหน่งทางการตลาด  และกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย  ซึ่งวิเคราะห์แล้วว่าผู้ที่ดูแลสุขภาพส่วนใหญ่เมื่อ 4 ปีที่แล้วจะต้องเป็นผู้มีเงินระดับหนึ่ง โดยตนวิเคราะห์เจาะลึกลงไปทั้งหมดตั้งแต่พฤติกรรม ฐานเงินเดือน หน้าที่การงาน กำลังการใช้จ่ายต่อมื้อ เพื่อทำให้ทุกอย่างคู่ควรกับลูกค้ามากที่สุด ทำให้ลูกค้าเกิดความภูมิใจที่จะเข้ามาใช้บริการ และต้องการถ่ายรูปโพสต์บอกว่ามาที่ร้าน  เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้าเอง

Farm factory  สร้างความต่างให้จานสลัด  ปั้นธุรกิจยั่งยืน Farm factory  สร้างความต่างให้จานสลัด  ปั้นธุรกิจยั่งยืน

“เราจะต้องดูว่าทำอย่างไรให้เข้าไปอยู่ในระบบนิเวศของแบรนด์ที่ลูกค้าชื่นชอบ  ทำให้แบรนด์คู่ควรกับการที่ลูกค้าเต็มใจจะถ่ายรูปโพสต์เองโดยที่ร้านไม่ต้องทำโปรโมชัน เพราะตนมองว่าการทำโปรโมชันนั้นไม่ยั่งยืน  โดยที่ตนก็จะคอยสังเกตพฤติกรรมของลูกค้า เพื่อเก็บข้อมูลและนำมาปรับปรุง สิ่งใดที่ตรงกับที่วิเคราะห์ก็จะขยี้ต่อให้มากขึ้น”

Farm factory  สร้างความต่างให้จานสลัด  ปั้นธุรกิจยั่งยืน

 

สำหรับสิ่งที่ทำให้ Farmfactory มีความแตกต่างนั้น เริ่มต้นลำดับแรกที่หน้าตาของอาหารก่อนที่จะรับประทาน  ซึ่งตนมองว่าจะต้องเปลี่ยนด้วยตาก่อนที่จะเปลี่ยนด้วยปาก  ดังนั้นสลัดของร้านจึงต้องมีคาแรกเตอร์ที่จดจำได้ไม่เหมือนกับผู้ใด  หลังจากนั้นก็มาถึงการนำเสนอรูปแบบของร้าน  โดยจะต้องทำให้ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่ร้านขายผักธรรมดา  ตนจึงเกิดไอเดียในการสร้างไลน์บาร์ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยประมาณ 5-6 เมตร  เพื่อนำสายตาของลูกค้าให้สนใจ และรู้ว่าร้านเราจำหน่ายอะไร

Farm factory  สร้างความต่างให้จานสลัด  ปั้นธุรกิจยั่งยืน Farm factory  สร้างความต่างให้จานสลัด  ปั้นธุรกิจยั่งยืน

นอกจากนี้  ก็จะเป็นเรื่องของรสชาติอาหาร ซึ่งแน่นอนว่าความอร่อยของสลัดขึ้นอยู่กับน้ำสลัดที่ใช้รับประทานคู่กัน ดังนั้น  ร้านจึงเลือกที่จะทำน้ำสลัดแบบโฮมเมด หรือเป็นสูตรที่ร้านพัฒนาขึ้นมาเองทั้งหมด  โดยจะทำให้มีคาแรกเตอร์รสชาติที่เป็นแบบเฉพาะของทางร้านเท่านั้น  พร้อมทั้งพยายามนำเสนอสิ่งใหม่ให้กับลูกค้าอยู่ตลอดเวลา  เพราะตนมีความเชื่อว่าเมื่อได้รับประทานอะไรแล้วติดรสชาติ ลูกค้าจะเกิดความเคยชิน ทำให้ร้านสามารถออกจากการแข่งขันทางด้านราคาได้  

 

วางเป้ารายได้ 100 ล้าน

บุญชนะ บอกอีกว่า กลยุทธ์การขยายตลาดของ Farmfactory ปีนี้ ตนมีความตั้งใจที่จะเปิดสาขาให้บริการเพิ่มขึ้นอีก 10 สาขาในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 7 สาขา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะต้องวิเคราะห์ตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจด้วย โดยช่วงไตรมาส 1-2 อาจจะต้องมาดูว่าสาขาใดที่จะสามารถเพิ่มศักยภาพการขายที่มีอยู่แล้วให้ได้มากขึ้น เพราะมีต้นทุนเท่าเดิมที่จะต้องมีอยู่แล้ว แต่เราะมีวิธีเพิ่มยอดให้ได้อย่างไร รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกับพาร์ตเนอร์อย่างเซเว่น อีเลฟเว่น  หรือแฟมิลี่มาร์ท  ซึ่งตนไม่ต้องลงทุนเรื่องการเปิดร้านใหม่แต่ได้ช่องทางการจำหน่ายมากขึ้น

Farm factory  สร้างความต่างให้จานสลัด  ปั้นธุรกิจยั่งยืน

ขณะที่ทางด้านดีลิเวอรีร้านก็เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับผู้จัดส่งอยู่แล้วทุกแบรนด์  โดยมองว่าปีนี้ช่องทางดังกล่าวจะยังขยายตัวได้อีกมาก นอกจากนี้ ยังจะมีการเพิ่มความคู่ควรของแบรนด์สำหรับลูกค้าให้ได้มากขึ้น ซึ่งในช่วงไตรมาสที่ 2-3 คาดว่าจะมีการร่วมมือกันระหว่างแบรนด์เรากับแบรนด์อื่นเพื่อสร้างกลยุทธ์ใหม่ในการทำตลาดทางด้านสุขภาพ

Farm factory  สร้างความต่างให้จานสลัด  ปั้นธุรกิจยั่งยืน

“สิ่งที่เราตั้งใจและเริ่มทำไปบ้างแล้ว  คือการตรวจสอบย้อนกลับ  เพื่อให้ลูกค้าได้รู้ว่าสลัดที่รับประทานอยู่มีที่มาที่ไปอย่างไร  มาจากสวนผักแปลงไหน เกษตรกรผู้ใดปลูก โดยหวังจะให้เป็นการยกระดับอุตสาหกรรม และเพื่อให้ความเป็นธรรมกับลูกค้ามากขึ้น เพราะหัวใจสำคัญของเราอยู่ที่ผู้บริโภค ไม่ใช่อยู่ที่การทำอย่างไรให้มีรายได้มาก เพราะตนเชื่อว่าถ้าหากเรามอบสิ่งที่ดีหรือให้สิทธิประโยชน์  และทำอะไรที่ยืนเคียงข้างลูกค้า  ลูกค้าก็จะตอบแทนเรากลับมาเอง  โดยเป้ารายได้ปีนี้ตนตั้งเป้าไว้ที่ 100 ล้านบาท  หรือเติบโตขึ้น 100% จากปีที่ผ่านมาซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 50 ล้านบาท”

หน้า 8 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3541 วันที่ 19-22 มกราคม 2563