หรูเล็กจัดเต็ม เบนซ์พันธุ์ใหม่"จีแอลบี" - BMW ซีรีส์2

ตลาดรถยนต์หรูเมืองไทย ยอดขายเกือบ 30,000 คันต่อปีถูกขับเคลื่อนด้วย 2 แบรนด์หลักจากเยอรมนี คือ เมอร์เซเดส-เบนซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู แม้สถานการณ์ในปี 2562 จะไม่ค่อยสวยงามนัก หลังผ่านไป 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย. 62) ตัวเลขจะติดลบ 3.1% และ 6.9% ตามลำดับ

สำหรับเจ้าพ่อรถหรูเมืองไทย หลังการเข้ามารับตำแหน่งประธานของ “โรลันด์ โฟลเกอร์” ในปีที่ผ่านมา เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ทั้งจากการทดลองขายรถยนต์มือสองออนไลน์ ซึ่งเป็นการนำรถในพอร์ตของตนเองมาขายตรงกับลูกค้า แต่ให้ดีลเลอร์ช่วยปล่อยรถให้

นอกจากนี้ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังเตรียมปรับโครงสร้างองค์กร ตามนโยบายระดับโลกของบริษัทแม่ เดมเลอร์ เอจี ประเทศเยอรมนี ที่ต้องการลดคนในบางตำแหน่ง ขยับฟังก์ชันการทำงานใหม่ๆ พร้อมจัดทัพในแต่ละภูมิภาคให้ทำงานเชื่อมโยงสอดคล้องกัน คาดว่าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงเร็วๆนี้

ในส่วนโปรดักต์ยังรุกเข้มเต็มสูบ โดยเฉพาะกลุ่ม Entry level ราคาเข้าถึงได้ง่าย ที่เมอร์เซเดส- เบนซ์ เรียกว่า New Generation Compact Car โดยปีที่แล้วนำเข้า “เอ-คลาส โฉมใหม่” A 200 AMG Dynamic เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.3 ลิตร เทอร์โบ 163 แรงม้า ราคา 2.49 ล้านบาท มาชิมลางทำตลาด ก่อนรุ่นประกอบในประเทศจะพร้อมช่วงกลางปีนี้ คาดราคาค่าตัวเริ่มต้นประมาณ 2.1 ล้านบาท

ขณะที่กลุ่มเอสยูวีขนาดเล็ก เตรียมนำ “จีแอลบี” ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในตลาดโลกกลางปี 2562 โดยเอสยูวีสายพันธุ์ใหม่นี้จะเป็นโมเดลที่เข้ามาแทรกตำแหน่งการทำตลาดระหว่าง “จีแอลเอ” และ “จีแอลซี” หรือวางตัวให้เข้ามาสู้กับคู่แข่งพิกัดเดียวกันอย่างบีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ 1 ได้อย่างสมนํ้าสมเนื้อ

“จีแอลบี” เตรียมนำเข้ามาเปิดตัวในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2020 เดือนมีนาคมนี้แน่นอน จากนั้นช่วงกลางปียังมีทีเด็ดกับการนำเข้า “จีแอลเอ โฉมใหม่” มาทำตลาด ซึ่งทั้ง 2 รุ่นมีโอกาสขึ้นไลน์ผลิตในไทยเช่นกัน

ฝั่งบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ที่เพิ่งประเดิมต้นปีด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นเรือธง ซีรีส์ 7 LCI หรือรุ่นไมเนอร์เชนจ์ของรหัสตัวถัง G12 ซึ่งประธานคนใหม่ “อเล็กซานเดอร์ บารากา” ยํ้าว่า ต้องเดินเกมเร็วตั้งแต่ต้นปี ไม่รอจังหวะหรืองานอีเวนต์ใหญ่ เมื่อพร้อมก็จัดงานเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ทันที

“ซีรีส์ 7 ใหม่ นับเป็นการยกระดับมาตรฐานของรถซีดานหรูขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการออกแบบที่เด่นสะดุดตา มาพร้อมกับเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ร่วมด้วยนวัตกรรมลํ้าสมัยสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าของเราในทุกด้าน ทั้งยังเป็นเครื่องตอกยํ้าถึงความมั่นใจประเทศไทย ในฐานะรถยนต์ที่เป็นผลผลิตจากโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง จังหวัดระยอง” นายบารากา กล่าว

อย่างไรก็ตาม ทีเด็ดของบีเอ็มดับเบิลยูยังอยู่ที่งานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2020 เตรียมนำเข้า “ซีรีส์ 2 แกรนด์คูเป้” มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่ง “ค่ายใบพัดสีฟ้า” เชื่อว่ารถตัวถัง 4 ประตูสไตล์คูเป้ จะขายได้และถูกใจลูกค้าชาวไทย มากกว่ารถที่พัฒนาบนพื้นฐานเดียวกันอย่าง ซีรีส์ 1 ตัวถังแฮตช์แบ็ก

สำหรับ “ซีรีส์ 2 แกรนด์คูเป้” น่าจะเข้ามาเบียดแย่งยอดขายกับ “เอ-คลาส ซีดาน” ดังนั้นบีเอ็ม ดับเบิลยู น่าจะเลือกรุ่น 218i เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ 140 แรงม้า มาทำตลาด ส่วนการส่งมอบจะพร้อมช่วงกลางปี โดยรถรุ่นนี้มีแผนประกอบในไทยเช่นกัน แต่ต้องรอถึงปี 2564 ซึ่งถึงเวลานั้นราคาขายจะลงมาอยู่ที่ 2 ล้านบาทต้นๆ

นั่นเป็นแผนงานของ 2 ค่ายรถยนต์จากเยอรมนี ที่ได้เปรียบจากการมีโปรดักต์ไลน์อัพหลากหลาย และมีฐานการผลิตในไทย ส่วน “อาวดี้” ที่ใช้ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่าง “ไมซ์สเตอร์ เทคนิค” ยังกินดีหมีหัวใจเสือสู้ไม่ถอยหลังยอดขายในปี 2562 ทำได้กว่า 900 คัน โดยรุ่นขายดียังเป็นสปอร์ตคาร์ “ทีที” รวมถึง “เอ 4 อวันต์”(สเตชันแวกอน) และเอสยูวี “คิว 5”

ส่วนกลุ่มรถที่ราคาเข้าถึงง่าย ยังมีให้เลือกหลากหลายทั้ง เอสยูวีรุ่นเล็ก “คิว 2” ราคา 1.99 ล้านบาท รวมถึงโฉมใหม่ของ “คิว 3” ทั้งตัวถังทรงกล่อง 35 TFSI ราคา 2.299 ล้านบาท 35 TFSI S line 2.499 ล้านบาท และตัวถังคูเป้ท้ายลาด Sportback 35 TFSI S line 2.649 ล้านบาท โดยรถพร้อมส่งมอบตั้งแต่เดือนเมษายนนี้ ส่วนเก๋งเล็ก เอ 1 Sportback 35 TFSI S line ราคา 2.149 ล้านบาท มีรถพร้อมส่งมอบทันที 

หน้า 28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,541 วันที่ 19 - 22 มกราคม พ.ศ. 2563