ตลท. ชูกลยุทธ์ 63 สร้างเติบโตร่วมทุกภาคส่วน

19 ม.ค. 2563 | 02:57 น.

      ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยปี 63 ภายใต้กรอบกลยุทธ์ 3 ปีมุ่งสร้างการเติบโตร่วมกันทุกภาคส่วนอย่างสมดุลและยั่งยืน ต่อยอดธุรกิจใหม่ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อประโยชน์แก่ทุกภาคส่วน 

     ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยปี 2563  ครบรอบปีที่ 45 สร้างการเติบโตไปพร้อมกันทั้งตลาดทุน สังคม และประเทศชาติ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของคนไทย (Growing Together for Inclusive Well-being) ปรับรูปแบบการทำงานและขยายธุรกิจ ภายใต้กรอบกลยุทธ์ระยะ 3 ปี (2563-2565) มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและต่อยอดธุรกิจใหม่ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อเป็นประโยชน์แก่ทุกภาคส่วน 

ตลท. ชูกลยุทธ์ 63 สร้างเติบโตร่วมทุกภาคส่วน       นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันโลกมีพลวัตการเปลี่ยนแปลงที่ต้องเตรียมพร้อมรับมืออย่างต่อเนื่อง ทั้งสถานการณ์ต่างประเทศ ในประเทศ และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด ในปี 2563 เป็นปีที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ดำเนินงานมาครบ 45 ปี จึงมุ่งเน้นการเติบโตแบบ Inclusive Well-being สร้างการเติบโตไปพร้อมกันทั้งตลาดทุน สังคม และประเทศชาติ อย่างมีสมดุล มีคุณภาพและยั่งยืนในระยะยาวเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของคนไทย เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถก้าวข้ามผ่านช่วงของการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และความผันผวนในเวทีโลกที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสังคม

กลยุทธ์ 3 ด้าน ประกอบด้วย

1)เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ (Grow with Efficiency) ปรับรูปแบบการทำงานและขยายธุรกิจด้วยการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อสร้างการเติบโตไปพร้อมกันได้อย่างมีคุณภาพ ขณะเดียวกันยังคงมุ่งเน้นลดความซ้ำซ้อนของกระบวนการและกฎเกณฑ์ต่างๆ และการให้บริการในรูปแบบ One-Stop Service แก่บริษัทจดทะเบียน รวมทั้งการนำข้อมูล (data) มาวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงตามความต้องการ รวมถึงสร้างฐานข้อมูลที่ให้อุตสาหกรรมได้นำไปใช้ต่อยอดและประโยชน์ร่วมกัน

2) เติบโตด้วยการสร้างโอกาสใหม่ (Grow with New Opportunities) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจะมุ่งเน้นความเชื่อมโยงกับตลาดทุนในกลุ่ม CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนม่า และเวียดนาม รวมทั้ง การขยายโอกาสการระดมทุนของธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (SMEs) รวมถึงสตาร์ทอัพ (Startups)

3) เติบโตไปด้วยกันกับผู้ร่วมตลาดและสังคมอย่างยั่งยืน (Grow with Stakeholders & Sustainable Society) ปรับปรุงกฎเกณฑ์ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจให้ง่ายและสะดวกมากขึ้น (Ease of Doing Business) และการคุ้มครองผู้ลงทุน พร้อมสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้ผู้ร่วมตลาดได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ลดต้นทุนการทำธุรกิจให้แก่อุตสาหกรรม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและแพลตฟอร์มกลางของตลาดทุน และการเสริมความปลอดภัยทางไซเบอร์ การสร้างช่องทางใหมในการลงทุนให้สะดวกมากขึ้น รวมถึงการส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และสร้างผลลัพธ์ทางสังคม (Social Impact) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างสมดุลและมีคุณภาพ พร้อมปรับแนวทางการพัฒนาความรู้การออมและการลงทุนภาคประชาชน และพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการในทุกมิติ

สำหรับการพัฒนาการสำคัญและความสำเร็จปี 2562 สรุปได้ดังนี้

-ด้านธุรกิจ

สภาพคล่องครองอันดับหนึ่งติดต่อกันตั้งแต่ปี 2555 ในภูมิภาคอาเซียน มูลค่าซื้อขายต่อวัน 53,192 ล้านบาท (ณ วันที่ 28 พ.ค. 62 มีการซื้อขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2 แสนล้านบาทต่อวัน)

 TFEX มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันกว่า 4.3 แสนสัญญา เป็นอันดับ 26 ของโลก

มีมูลค่า IPO 3.8 แสนล้านบาท สูงสุดอาเซียน โดย AWC เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าระดมทุนใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ของไทย และเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีการระดมทุนใหญ่ที่สุดในโลกในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา

40 บจ. ไทยได้รับคัดเลือกเข้าคำนวณในดัชนี MSCI Standard Index เพิ่มขึ้นสูงสุดในภูมิภาคอาเซียน โดยเพิ่มขึ้น 4 บจ. จากปีก่อนหน้า โดยมีน้ำหนักการลงทุนเพิ่มเป็น 3.43% จาก 2.65% มากที่สุดเป็นประวัติการณ์

ยกระดับการให้บริการและปรับกฎเกณฑ์ ร่วมกับ ก.ล.ต. One-stop service, การลดขั้นตอนการออก DW และการปรับปรุงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ 

เชื่อมโยงสินค้าและบริการซื้อขายกองทุนกับต่างประเทศ เช่น การออก DW Hang Seng และ ความร่วมมือระหว่าง FundConnext ร่วมกับ Clearstream

ร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์อื่นและองค์กรในต่างประเทศ เช่น การจัดทำเว็บไซต์ ASEAN Exchanges website ใหม่, การแลกเปลี่ยนความร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์ใน Shenzhen และ Stuttgart รวมถึงความร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับภาคตลาดทุนใน CLMV และ IFC (International Finance Corporation)

สร้าง global recognition ผ่านกิจกรรม “Embassy @ SET” มีทูตกว่า 30 ประเทศเข้าร่วม และเป็นเจ้าภาพจัดงาน AFSF (Asia Fund Standardization Forum) และ AOSEF (Asian and Oceanian Stock Exchanges Federation)

-  ด้านคุณภาพ

20 บริษัทจดทะเบียนไทยได้รับคัดเลือกเข้าคำนวณในดัชนี Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) สูงสุดในภูมิภาคอาเซียน โดยมี 7 บริษัท ได้คะแนนสูงสุดเป็นที่ 1 ของโลก

ส่งเสริมบริษัทจดทะเบียนลดภาวะโลกร้อน ด้วยโครงการ Care the Whale “ขยะล่องหน” โครงการต่อเนื่องจากลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านโครงการ Care the Bear

ร่วมขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprises) ผ่านโครงการ SET Social Impact Day: สร้างจุดเชื่อมต่อการทำงานเพื่อความยั่งยืนกับภาคธุรกิจ

ร่วมแก้ไขปัญหาทางสังคมร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศ เช่น IOSCO และ WFE สร้างความรู้ทางการเงินผ่านโครงการ “Ring the Bell for Financial Literacy”