บัวหลวง แนะเลี่ยงหุ้น อสังหาฯ-แบงก์

17 ม.ค. 2563 | 09:20 น.

บล.บัวหลวง แนะจัดสรรพอร์ตลงทุน เน้นกระจายเงินลงทุนใน 5 สินทรัพย์หลัก รับมือตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวน เน้นลงทุนหุ้นปลอดภัย แนะเลี่ยง กลุ่มอสังหาฯ-แบงก์

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ในภาวะผันผวนต่อเนื่องจากปี 62 จากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่าน และปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน แม้สถานการณ์จะคลี่คลายลงระดับหนึ่ง หลังสหรัฐฯลงนามข้อตกลงทางการค้าเฟสแรกกับจีนอย่างเป็นทางการไปแล้ว แต่ยังคงต้องจับตาดู 2 ประเด็นอย่างใกล้ชิดคือ 1.สหรัฐฯและจีนจะถบรรลุข้อตกลงเฟส 2 ที่จะให้จีนเปิดตลาดการเงินและสิทธิทางปัญญาได้ภายในปีนี้หรือไม่ และ 2.สงครามตะวันออกกลาง ซึ่งยากต่อการคาดเดา

บัวหลวง แนะเลี่ยงหุ้น อสังหาฯ-แบงก์

ท่ามกลางปัจจัยลบของต่างประเทศ ผู้ลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการลงทุน แนะนำให้ใช้หลักการ “จัดสรรพอร์ตการลงทุน” หรือ Asset Allocation เพื่อรักษาระดับความเสี่ยงและผลตอบแทนให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ  เห็นได้จากพอร์ตลงทุนปี 62 ของหลักทรัพย์บัวหลวงที่สามารถทำผลตอบแทนได้ดี โดยพอร์ตลงทุนแบบอนุรักษ์นิยม (Conservative) ,แบบความเสี่ยงปานกลาง (Moderate) และแบบเชิงรุก (Aggressive) มีผลตอบแทนนับจากต้นปี 62 ถึงปลายปีที่ระดับ 7.1% ,10.4% และ 14.0% ตามลำดับ สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ในช่วงเดือนก.พ.62 ที่ระดับ 3.2%, 5.1% และ 7.2%

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมในช่วงนี้ควรเน้นกระจายความเสี่ยงออกไปใน 5  สินทรัพย์หลัก คือ 1. ตลาดหุ้น 23% แบ่งเป็นหุ้นไทย 9% หุ้นเวียดนาม 9% และหุ้นสหรัฐฯ 5% ซึ่งปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีอัพไซด์ค่อนข้างจำกัด เพราะกำไรบริษัทจดทะเบียนในปี 63 อาจขยายตัวได้ไม่มากนัก ขณะที่ตลาดหุ้นเวียดนาม และตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังมีโมเมนตัมที่ดี 

โดยเฉพาะตลาดหุ้นเวียดนาม คาดว่าในปี 63 อาจมีกระแสเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ไหลเข้ามาต่อเนื่อง เพราะเวียดนามเป็นประเทศปลายทางที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการลงทุนจากต่างชาติในเอเชีย หลังกระทรวงวางแผนและการลงทุนของเวียดนามสนับสนุนให้มีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น เทคโนโลยีขั้นสูง, พลังงาน และการส่งออก

 

2. กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ประเภทอาคารสำนักงานให้เช่าและค้าปลีก สัดส่วนลงทุนเฉลี่ย 13% หลังส่วนต่างอัตราผลตอบแทนระหว่างดัชนีกองทุนรวมอสังหาฯและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปี อยู่ระดับ 3.28% สูงกว่าค่าเฉลี่ย 4 ปี 1.6 เท่า

บัวหลวง แนะเลี่ยงหุ้น อสังหาฯ-แบงก์

3.ทองคำ สัดส่วนลงทุนเฉลี่ย 16% เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเติบโตเศรษฐกิจขยายตัวน้อยกว่าคาดการณ์ และเหตุการณ์สงคราม จากการวิเคราะห์เชิงปริมาณ คาดว่าในเดือนม.ค.นี้ ราคาทองคำจะแกว่งในกรอบ 1,491-1,620 เหรียญต่อออนซ์  4.ตลาดเงิน สัดส่วนลงทุนเฉลี่ย 6% และ 5.หุ้นกู้ภาคเอกชนระดับ BBB+ขึ้นไป สัดส่วนลงทุนเฉลี่ย 42% 

สำหรับธีมการลงทุน เน้นลงทุนในหุ้น 3 กลุ่ม คือ 1.หุ้นที่มีความปลอดภัย(Defensive Stock) เช่น กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ (หุ้นรถไฟฟ้า) ,กลุ่มโรงไฟฟ้า ,กลุ่มหุ้นค้าปลีก และกลุ่มไฟแนนซ์  2.กลุ่มปิโตรเคมีและกลุ่มน้ำมันที่จะได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของภาคการผลิตของโลก 3.กลุ่มรับซื้อและปรับโครงสร้างหนี้  เช่น หุ้น BAM ,หุ้น JMT และหุ้น CHAYO ส่วนกลุ่มที่ต้องใช้ความระมัดระวัง คือ กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเรื่องความต้องการซื้อชะลอตัว และกลุ่มธนาคารที่ต้องระวังเรื่องการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยมากขึ้น