บมจ. เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือ ‘CRC’ แถลงวันนี้ (17 ม.ค.63) เตรียมเสนอขายหุ้น IPO ครั้งประวัติศาสตร์ โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 1,860.1 ล้านหุ้น ในราคาจองซื้อที่ 40 - 43 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าเสนอขายรวมประมาณ 74,404 - 79,984 ล้านบาท นับเป็น IPO ที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทย โดยจะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้น CRC ระหว่างวันที่ 29 – 31 มกราคม และ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรกภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้
สำหรับหุ้นที่จะเสนอขาย IPO จำนวนไม่เกิน 1,860.1 ล้านหุ้น แบ่งเป็น
(1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 1,331 ล้านหุ้น คิดเป็น 22.1% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO ซึ่งไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน โดยหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนดังกล่าว ประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) หรือ ‘ROBINS’ ที่ตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ ผ่านการแลกหุ้น (Share Swap) และหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายและจัดสรรให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก
(2) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย Hawthorn Resources Limited (ผู้ถือหุ้นเดิม) จำนวนไม่เกิน 360 ล้านหุ้น คิดเป็น 6.0% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO (ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) และอาจมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Overallotment Option หรือ Greenshoe) จำนวนไม่เกิน 169.1 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 10% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่เสนอขายในครั้งนี้ เพื่อนำเงินไปใช้ในการรักษาระดับราคาหุ้น (Stabilization) เสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
นอกจากนั้น CRC ยังเดินหน้าทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ ROBINS ที่ราคาเสนอซื้อ 66.50 บาทต่อหุ้น เพื่อแลกกับหุ้น IPO ของ CRC ตามช่วงอัตราแลกหุ้นเบื้องต้นที่ 1.39-1.66 หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ของ CRC ต่อ 1 หุ้นสามัญเดิมของ ROBINS ในระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 (รวม 25 วันทำการ) หลังจากนั้นหุ้นของ ROBINS จะถูกเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมกับหุ้น IPO ของ CRC เริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์
สำหรับวัตถุประสงค์ ของการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการขยายสาขาทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงการปรับปรุงสาขาต่างๆ
1. การขยายสาขาใหม่ของห้างสรรพสินค้าโรบินสันและโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์
2. การขยายสาขาของไทวัสดุ
3. การขยายสาขาของบิ๊กซี /GO! ในประเทศเวียดนาม
4. การปรับปรุงสาขาต่างๆ ของแต่ละกลุ่มธุรกิจ และการชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน เพื่อโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมุ่งขยายความสำเร็จในระดับโลกอย่างมั่นคงในระยะยาว