แม้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 เปิดประมูลคลื่นความถี่ย่าน 5G ในย่านความถี่ 700 MHz, 1800 MHz, 2600 MHz และ 26 GHz
แต่ทว่าในประเทศจีน รัฐวิสาหกิจผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ China Mobile China Unicom และ China Telecom ได้ประกาศเปิดให้บริการ 5G ใน 50 เมืองในสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมถึง ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเสินเจิ้น
ขณะที่สองผู้ผลิตเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่ คือ หัวเว่ย และ เสี่ยวมี่ ประกาศความพร้อมผลิตระบบ 5G ไปยังทั่วโลก
ถูกกีดกันแต่รายได้ยังพุ่ง
นายอีริค สวี ประธานคณะกรรมการ หมุนเวียนตามวาระของหัวเว่ย ได้เผยแพร่ข้อความอวยพรปีใหม่แก่พนักงานของบริษัท พร้อมขอบคุณสำหรับการทำงานหนักอย่างทุ่มเทในช่วงปีแห่งความท้าทาย อีกทั้งยังยํ้าให้พนักงานเตรียมพร้อมหากต้องเผชิญความยากลำบากในปีที่จะมาถึง “รัฐบาลสหรัฐฯจะพยายามยับยั้งการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ของเรา แต่หัวเว่ยจะมุ่งมั่นทำงานเพื่อความอยู่รอดและความสำเร็จ” เขากล่าวยํ้า หัวเว่ยยังคาดการณ์ว่ารายได้ของบริษัทในปี 2562 จะอยู่ที่ 850 พันล้านหยวน (3.6 ล้านล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้นราว 18% จากปีก่อนหน้า
อีริค สวี
คว้าสัญญา 50 ฉบับทั่วโลก
ไม่เพียงเท่านี้ นายสวีได้กล่าวว่า หัวเว่ย คว้าสัญญาเชิงพาณิชย์เพื่อติดตั้งเครือข่าย 5G ไปแล้วกว่า 50 ฉบับทั่วโลก ธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ยังคงช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลให้แก่หลากหลายอุตสาหกรรมกว่า 700 เมืองและบริษัทชั้นนำในลิสต์ Fortune Global 500 ถึง 228 แห่ง ได้เลือกหัวเว่ยเป็นพันธมิตรในการทรานส์ฟอร์ม ด้านดิจิทัล และจากการส่งมอบสมาร์ทโฟนตลอดทั้งปีกว่า 240 ล้านเครื่อง ยอดขายอุปกรณ์ Wearables ในปี 2019 ของบริษัทยังเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 243% ด้วยยอดการจัดส่ง 5.9 ล้านชิ้น และ ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 13% ทั่วโลก
ลงทุน5หมื่นล้านหยวน
ส่วนทางด้านเสี่ยวมี่ ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ นายเหลย จวิน ผู้ก่อตั้ง ประธานกรรมการ และซีอีโอของ “เสี่ยวมี่” เผยแพร่จดหมายขอบคุณและปลุกพลังทีมทำงานของเสี่ยวมี่ในปี 2020 ซึ่งเป็นปีที่ก้าวสู่การดำเนินกิจการเป็นปีที่ 10 พร้อมประกาศการลงทุนมากถึง 5 หมื่นล้านหยวน (ประมาณ 7.18 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ภายใน 5 ปี เพื่อยกระดับการพัฒนานวัตกรรมและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อรองรับการมาของยุค 5G ซึ่งนั่นจะทำให้เสี่ยวมี่ครองความเป็นผู้นำเทคโนโลยีของโลกได้ หลังจากปีที่แล้วเสี่ยวมี่ได้ทำความสำเร็จแบบก้าวกระโดดตั้งแต่การเป็นบริษัทที่มีอายุการก่อตั้งและดำเนินกิจการน้อยที่สุดที่ติดอันดับใน Fortune Global 500 เป็นครั้งแรก และยังครองความสำเร็จในส่วนของยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกอยู่ในอันดับที่ 4 อย่างต่อเนื่อง
เหลย จวิน
ดัน 5G และ AIoT
นายเหลย กล่าวต่ออีกว่า ปีนี้จะเป็นปีแห่งความก้าวหน้าของเสี่ยวมี่ สำหรับธุรกิจ 5G และเป็นปีที่สำคัญที่จะผลักดันกลยุทธ์“สมาร์ทโฟน และ AIoT” ของเสี่ยวมี่อย่างต่อเนื่องต่อไป เป็นที่ชัดเจนในปีนี้จะให้ความสำคัญในการวางกลยุทธ์ของการผสมผสานระหว่าง “5G + AI + IoTและซูเปอร์อินเตอร์เน็ตในเจเนอเรชันใหม่ ถือว่าเป็นส่วนเสริมที่ลงตัวเป็นอย่างยิ่งกับผลิตภัณฑ์และบริการของเสี่ยวมี่ เพราะเรามี DNA และรากฐานที่มาจากการพัฒนาอินเตอร์เน็ต สามารถนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ชาญฉลาดมาช่วยให้ทุกคนเพลิดเพลินไปกับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นผ่านผลิตภัณฑ์ของเราได้อย่างแท้จริง
“ในปี 2020 นี้นับเป็นปีที่การเดินทางในธุรกิจของเสี่ยวมี่ ก้าวสู่ปีที่ 10 สำหรับวันทำงานวันแรกของปีใหม่นี้ ผมนำข่าวดีมาให้เรา 2 เรื่อง เรื่องแรกคือ ทีม Mi TV ของเรา ได้ฉลองยอดการจัดส่งสินค้าเป็นอันดับ 1 ในประเทศจีน (และยังติด Top 5 ของโลก) ซึ่งถือเป็นความสำเร็จเป็นประวัติการณ์โดยเป็นแบรนด์สมาร์ททีวีแบรนด์แรกที่มีการจัดส่งมากกว่า 10 ล้านเครื่องต่อปีในประเทศจีนอีกด้วย”
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,540 วันที่ 16-18 มกราคม 2563