ดอกเบี้ยลด-หนี้เสียพุ่ง กดกำไรแบงก์ปี63

12 ม.ค. 2563 | 03:50 น.

โบรกมองกลุ่มแบงก์ปี 63 ยังคงเผชิญปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจชะลอ รายได้ดอกเบี้ยหลังปรับลดดอกเบี้ยลงถึง 2 ครั้งในปี 62 ความเสี่ยงจากคุณภาพหนี้ คาดกำไรทั้งกลุ่มอยู่ระดับ 2 แสนล้านลดลง 2-3% 

 

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัสฯ ระบุในบทวิเคราะห์ คาดการณ์กำไรรวม 9 ธนาคารในไตรมาส 4/2562 อยู่ที่ราว 4.57 หมื่นล้านบาท ลดลง 17% เทียบไตรมาส 3/2562 (QoQ) แต่เพิ่มขึ้น 10.5% เมื่อเทียบไตรมาส 4/2561 (YoY) กำไรที่ลดลง QoQ เกิดจากคาดการณ์รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 3% QoQ ตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนสิงหาคม 2562 คาดการณ์รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลง และคาดการณ์ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล

ส่วนกำไรที่เพิ่มขึ้น YoY เกิดจากค่าใช้จ่ายพิเศษและคาดการณ์การตั้งสำรองหนี้สูญลดลง อย่างไรก็ดี ผลประกอบการไตรมาส 4/2562 มี 2 ข้อสังเกตคือ 1. โครงสร้างงบการเงินที่เปลี่ยนไปสำหรับ SCB (ไม่มีการรวมผลประกอบการของ SCB Life), TMB และ TCAP (TBANK ไปเป็นบริษัทย่อยของ TMB แทน TCAP) และ 2. หลายธนาคารมีการบันทึกกำไรจากเงินลงทุนอย่างมีนัย และอาจเป็น Upside ของประมาณการของเรา เช่น BBL และ KBANK

รวมทั้งปี 2562 คาดว่ากลุ่มธนาคารจะมีกำไรสุทธิที่ราว 2 แสนล้านบาท โต 4.3% YoY กำไรที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการขายเงินลงทุน (BAY และ SCB) หากไม่รวมรายการกำไรเงินลงทุนคาดกำไรจะลดลงราว 4% YoY

 

ดอกเบี้ยลด-หนี้เสียพุ่ง  กดกำไรแบงก์ปี63


 

คาดว่า TMB และ TISCO จะรายงานผลกำไรไตรมาส 4/2562 ที่ดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY โดย TMB เกิดจากการรวมกิจการกับ TBANK และมีกำไรจากการขาย TFUND สำหรับ TISCO คาดกำไรไตรมาส 4/2562 ทรงตัวในระดับสูงที่ราว 1.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% QoQ และเพิ่มขึ้น 11% YoY เนื่องจากคาดการณ์ค่าใช้จ่ายสำรองฯที่อยู่ในระดับตํ่ากว่าปกติ และคาดว่า BBL และ KBANK น่าจะมีรับรู้กำไรจากการขายเงินลงทุนเป็นจำนวนมาก โดย BBL มีรายงานการขายหุ้นสามัญ BTS และ KBANK น่าจะมีกำไรจากการขายทั้งตราสารหนี้และตราสารทุน

ส่วนแนวโน้มในปี 2563 คาดสินเชื่อจะขยาย 4.4% YoY ดีกว่าปี 2562 ที่คาดขยาย 2.4% YoY ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยคาดการณ์ของกำไรปี 2563 ที่ราว 2 แสนล้านบาท ลดลง 3% YoY เนื่องจากกำไรจากเงินลงทุนที่ลดลง ท่ามกลางคาดการณ์ระดับ ROE ที่ 10.46% ยังเป็นระดับที่ชะลอตัวลง

ทั้งนี้ใหนํ้าหนักการลงทุนกลุ่มธนาคาร “Neutral” หุ้นTop Pick เลือก SCB ราคาเหมาะสมปี 2563 ที่ 132 บาท และ TISCO ราคาเหมาะสมที่ 112 บาท

ด้านบล.กสิกรไทยฯ คาดกำไรกลุ่มธนาคารปี 2563 โดยรวมจะลดลง 2% YoY จากอัตราส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) ที่ลดลงจากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 2 ครั้งในปี 2562 และคาดว่าจะมีอีกครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ตามคาดว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะสร้าง downside ต่อประมาณการกำไรของกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ในระดับ 1-3% ขณะที่มองว่าการเติบโตของ NII โดยรวมจะชะลอตัวอยู่ที่ 3% (YoY) ส่วนภาพรวมรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิ (ไม่รวมผลกระทบจาก TFRS9) จะปรับดีขึ้น ในด้าน NPL คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการปล่อยกู้เชิงรุกมากขึ้นในกลุ่มสินเชื่อรายย่อย

ทั้งนี้ บล.กสิกรไทยฯ คาดกำไรไตรมาส 4/2562 สำหรับ 8 ธนาคารที่ศึกษาจะอยู่ที่ 4.21 หมื่นล้านบาท (BBL, SCB, KTB, BAY, TCAP, TMB, TISCO และ KKP) เติบโต 23% YoY (หลักๆ มาจาก TCAP และ BBL) แต่ลดลง 7% QoQ จากการกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์/เงินลงทุนที่ลดลง (จากการขาย SCBLIFE เป็นเงิน 2.4 หมื่นล้านบาท ที่รับรู้ในไตรมาส 3/2562) โดยยังคงมุมมองเป็น “กลาง” ต่อกลุ่มธนาคารแม้ราคาหุ้นจะถูกก็ตาม เนื่องจากเห็นแรงกดดันจากโอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีกครั้ง การเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอลง อัตราหนี้ NPL ที่สูงขึ้น โดยหุ้นเด่นเลือก TISCO

ด้านบล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จก. คาดกำไรไตรมาส 4/2562 จะลดลง 4.6% (QoQ) เนื่องจากได้รับกระทบจากการปรับลดดอกเบี้ยเต็มไตรมาส ขณะที่ YoY คาดจะเพิ่มขึ้น 18% จากฐานกำไรที่ตํ่าในไตรมาส 4/2561 อย่างไรก็ดีคาดกำไรทั้งปี 2562 จะเพิ่มขึ้น 2.3% จากฐานที่กำไรที่ตํ่าของหลายๆ ธนาคาร ในขณะที่คาดว่ากำไรจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นจะช่วยชดเชยค่าใช้จ่ายกันสำรองที่เพิ่มขึ้น

 

หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,539 วันที่ 12-15 มกราคม 2563