ชาวสวนรวมพล สกัดผู้ค้าเจ้าเล่ห์ เล่นกลฟันกำไรปาล์มนำเข้า

การนำเข้านํ้ามันปาล์ม นอกโควตาตามความตกลงขององค์การการค้าโลก (WTO) ตามระเบียบกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการกำหนดมาตรการในการนำเข้าและการนำเข้าเพื่อการส่งออก กรมการค้าต่างประเทศ ได้ขึ้นทะเบียนผู้นำเข้าตั้งแต่ปี 2546-ปัจจุบัน ทั้งหมด 39 ราย ยกเลิกการขึ้นทะเบียน 5 ราย เหลือ 34 ราย ในปี 2562 (ม.ค.-พ.ย.) มีปริมาณนำเข้ารวมทั้งสิ้น 1.59 หมื่นตันนั้น

นายสุวรรณ อ่องคณา ประธานสมาคมปาล์มนํ้ามันเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าในช่วงที่เห็นตัวเลขนำเข้าได้สอบถามหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้รับคำตอบว่าเป็นการนำเข้าผ่านแดนเพื่อส่งออก ซึ่งคำถามคือมีการส่งออกจริงหรือไม่ ประกอบกับมีสมาชิกเกษตรกรหลายคนอยู่บริเวณชายแดนได้แจ้งข่าวสารเป็นระยะๆ เพราะในบางช่วงราคานํ้ามันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) ในตลาดโลกตกตํ่ามาก ราคาในประเทศและราคานำเข้าใกล้เคียงกัน ทำไมไม่ใช้นํ้ามันปาล์มในประเทศส่งออก กระทั่ง ณ ปัจจุบันราคาผลปาล์มนํ้ามันในประเทศเฉลี่ยที่ 7 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) แล้ว ราคานํ้ามันปาล์มดิบ ณ ตลาดกรุงเทพฯ อยู่ที่ 35-36 บาทต่อกก. ซึ่งต่างกับเพื่อนบ้านที่ราคาเฉลี่ยตํ่ากว่าไทย 14-15 บาทต่อกก. ซึ่งมีส่วนต่างราคามาก ดังนั้นการนำเข้าเพื่อขอผ่านแดนส่งออกเกษตรกรไม่เชื่อใจ เกรงจะมาขายในประเทศเพื่อฟันกำไร ทุบราคาปาล์มในประเทศราคาตกขณะนี้ได้วางสายเพื่อติดตามว่าการนำเข้า แล้วส่งออกจริงหรือไม่

 นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เผยว่า ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มนํ้ามันแห่งชาติ (กนป.) ล่าสุด ได้ทบทวนเรื่องการนำเข้านํ้ามันปาล์มจากเดิมที่กำหนดให้ขึ้นทะเบียนเพียงครั้งเดียวโดยไม่กำหนดวันหมดอายุเป็นกำหนดให้ขึ้นทะเบียนเป็นรายปีเพื่อให้สามารถติดตามและตรวจสอบสถานะปัจจุบันของผู้นำเข้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและกำหนดด่านเข้า คล้ายนำเข้ามะพร้าว แต่ของปาล์ม จะกำหนด 3 ด่าน ได้แก่ ด่านศุลกากรมาบตาพุด สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ และสำนัก งานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง และกำหนดด่านปลายทางนำผ่านสินค้านํ้ามันปาล์ม ไปยังแต่ละประเทศ ได้แก่ 1. ด่านศุลกากรจันทบุรี เป็นด่านปลายทางไปยังกัมพูชา 2. ด่านศุลกากรหนองคาย เป็นด่านปลายทางไปยังสปป.ลาว และด่านศุลกากรแม่สอด เป็นด่านปลายทางไปยังเมียนมา

ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงสถานการณ์การใช้นํ้ามันดีเซลหมุนเร็ว การผลิตไบโอดีเซล และการใช้ไบโอดีเซล ในช่วงเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2562 มีการใช้นํ้ามันดีเซลหมุนเร็วรวมเฉลี่ย 64.28 ล้านลิตรต่อวัน และวันที่ 1-22 ธันวาคม 2562 มีการใช้นํ้ามันดีเซลหมุนเร็ว 67 ล้านลิตรต่อวัน (กราฟประกอบ) ส่วนการผลิตและการใช้ไบโอดีเซล (บี100) ที่จดทะเบียนกับกรมธุรกิจพลังงาน 14 แห่ง มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 8.27 ล้านลิตรต่อวัน (ข้อมูล ณ ธ.ค.62) โดยในปี 2562 (ม.ค.-พ.ย.) มีปริมาณการผลิตไบโอดีเซลเฉลี่ย 4.97 ล้านลิตรต่อวัน และการใช้เฉลี่ย 4.86 ล้านลิตรต่อวัน (ข้อมูลกรมการค้าภายใน ม.ค.-ต.ค.62) ใช้นํ้ามันปาล์มดิบรวม 1.078 ล้านตัน

สำหรับการใช้นํ้ามันดีเซลหมุนเร็วบี 10 ตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม 2562 ได้เปิดสถานีบริการจำหน่ายนํ้ามันดีเซลหมุนเร็วบี 10 ครั้งแรก และให้ส่วนต่างราคานํ้ามันดีเซลหมุนเร็วบี 10 ถูกกว่านํ้ามันดีเซลหมุนเร็วบี 7 ที่ 1 บาทต่อลิตร ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2562 ให้ส่วนต่างราคานํ้ามันดีเซลหมุนเร็วบี 10 ถูกกว่านํ้ามันดีเซลหมุนเร็วบี 7 ที่ 2 บาทต่อลิตร จนถึงวันที่ 22 ธันวาคม 2562 มีสถานีบริการจำหน่ายนํ้ามันดีเซลหมุนเร็วบี 10 รวม 521 สถานี และ กลุ่ม fleet (จุดพักรถ) 109 แห่ง ปัจจุบันวันที่ 1-22 ธันวาคม 2562 มีปริมาณการจำหน่าย 5.2 แสนลิตรต่อวัน (เดือนพ.ย.มีปริมาณการจำหน่าย 2.8 หมื่นลิตรต่อวัน) และคาดว่าจะมีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากวันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมาให้ทุกคลังนํ้ามันผลิตนํ้ามันดีเซลหมุนเร็วบี 10 และวันที่ 1 มีนาคม 2563 ให้มีนํ้ามันดีเซล หมุนเร็วบี 10 จำหน่ายทุกสถานี

“กรมการค้าภายในกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิดเนื่องจากในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ก็จะไม่ให้กระทบผู้บริโภค ที่อาจจะมีการปรับราคาปาล์มขวดขึ้น จากที่ผ่านมาได้ปล่อยลอยตัวไม่ได้จำกัดเพดานที่ 42 บาทต่อขวด 1 ลิตรแล้ว”

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,539 วันที่ 12-15 มกราคม 2563