Lightnet นำ 8 องค์กรใหญ่ลุยตลาดฟินเทคโกลบอล

09 ม.ค. 2563 | 09:25 น.

ฟินเทค Lightnet ร่วมมือ 8 บริษัทยักษ์ใหญ่ เปิดโปรเจกต์ระบบการเงินเทคโนโลยี Blockchain ระดมทุนรอบ Series A กว่า 1,000 ล้าน หวังขึ้นแท่นศูนย์กลางการเงินระดับโกลบอล พร้อนเป็นเซ็นเตอร์สร้างอีโคซิสเต็ม เพิ่มความสะดวกรวดเร็ว พร้อมลดต้นการทำธุรกรรมการเงิน ตั้งเป้า 3 ปี จะมีทำธุรกรรมการเงินได้มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท จากเครือข่ายพันธมิตร

นายชัชวาลย์ เจียรวรานนท์ ประธานบริษัทของ Lightnet เปิดเผยว่า ได้ก่อตั้ง Lightnet ฟินเทคที่จะเป็นศูนย์กลางการชำระเงินแห่งใหม่ เพื่อให้บริการทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ต้นทุนต่ำ และรวดเร็ว โดยตั้งเป้าให้บริการแก่ประชากรมากกว่า 4 พันล้านคนทั่วเอเชีย ผ่านเทคโนโลยี Blockchain บนเครือข่ายระบบปฏิบัติการจากอเมริกาในนาม Stellar Network ซึ่งเป็นนวัตกรรมด้านการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ที่จะมาเปลี่ยนโฉมโลกการเงินออนไลน์ในอนาคต 

Lightnet ตั้งเป้าที่จะปฏิรูปตลาดการส่งเงินข้ามประเทศ (Cross-border Remittance Market) ที่มีมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ที่เริ่มต้นจากแรงงานข้ามชาติกว่า 11 ล้านคน ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงระบบการเงินของธนาคาร ทำให้ต้องพึ่งพาการใช้ระบบการเงินแบบเก่าที่มีต้นทุนสูง ทั้งยังกระจัดกระจาย และล้าสมัยอย่าง SWIFT รวมถึงบริการที่อันตรายอย่างการเงินใต้ดิน โดยตลาดแรงงานข้ามชาติส่วนใหญ่อยูในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งบริการเหล่านี้มีมูลค่าสูงถึง 150,000 ล้านดอลลาร์ นับว่าเป็นต้นทุนที่สิ้นเปลืองและรอการเปลี่ยนแปลงด้วยเทคโนโลยีที่ดีกว่าอย่าง Smart Contract และ Blockchain 

Lightnet นำ 8 องค์กรใหญ่ลุยตลาดฟินเทคโกลบอล

นายตฤบดี อรุณานนท์ชัย ผู้ก่อตั้งและรองประธานบริษัท Lightnet กล่าวเสริมว่า Lightnet ตั้งเป้าภายใน 3 ปี จะมีทำธุรกรรมการเงินได้มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท จากเครือข่ายพันธมิตรของบริษัท ซึ่งให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์การสร้าง Ecosystem สถาบันการเงินที่ได้รับความเชื่อถือในตลาดของแต่ละประเทศ ในการเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้บริการได้อย่างทั่วถึง
 

สำหรับกลุ่มนักลงทุน ที่เป็นพาร์ทเนอร์ ประกอบด้วย ชั้นนำของ Ligthnet ประกอบด้วย UOB Venture Management and Hanwha Investment and Securities ซึ่งเป็นเครือบริษัทที่ใหญ่และมีอิทธิพลที่สุดในสิงคโปร์และเกาหลีตามลำดับ รวมถึงบริษัท Seven Bank (TKO: 8410) จากกลุ่มบริษัท Seven & I Holdings ผู้เป็นเจ้าของแฟรนไชส์ 7-Eleven ทั้งหมดในญี่ปุ่นและร้านสะดวกซื้ออีกประมาณ 69,200 ร้านทั่วโลก, บริษัท Uni-President Asset Holdings บริษัทด้านลงทุนของ Uni-President Enterprises Corp., ผู้เป็นเจ้าของแฟรนไชส์ 7-Eleven และ Starbucks มากกว่า 9,000 สาขาในไต้หวัน จีน และฟิลิปปินส์ รวมถึงบริษัท Hashkey Capital บริษัทด้านลงทุนของเครือบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์และการเงินในจีนอย่าง WanXiang Group

นายสุวิชชา สุดใจ CEO ของบริษัท Lightnet อธิบายเพิ่มเติมว่า นวัตกรรมของ Lightnet ประกอบไปด้วย 3 นวัตกรรม ได้แก่ BridgeNet, LiquidNet และ SmartNet โดยตอนนี้โครงข่ายหลักของผลิตภัณฑ์นั้นได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว และคาดว่าจะเปิดบริการ BridgeNet เป็นอันดับแรกในช่วงต้นปี 2563 นี้ ในด้านผู้ใช้บริการ Lightnet สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายกว่า 5 แสนรายจากเครือข่ายตัวแทนผู้ให้บริการ Lightnet ยังมีแผนที่จะเปิดตัวบนเครือข่ายพันธมิตร อีกหลายประเทศ อาทิ ประเทศญี่ปุ่น, ประเทศเกาหลีใต้ รวมถึงกลุ่มประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นระบบการโอนเงินข้ามประเทศและชำระเงินชั้นนำของโลก อย่าง MoneyGram, Seven Bank, Yeahka และ Ksher ภายในปี 2563 นี้ 

การระดมทุนรอบนี้ยังทำให้ Lightnet เป็นบริษัทด้าน Blockchain หนึ่งเดียวในเอเชียที่ได้รับเงินทุนจากเครือบริษัทในกลุ่ม Fortune 500 มากถึง 2 บริษัท และเครือพันธมิตรนี้ยังเป็นช่องทางให้ Lightnet เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ที่มีความต้องการบริการทางการเงินที่ดีกว่ามากกว่าหลายล้านคนทั่วภูมิภาคอีกด้วย

Lightnet ได้รวบรวมความพร้อมรอบด้านทั้ง ทีมนักพัฒนา Blockchain ระดับโลก ความรู้ในตลาดท้องถิ่น พันธมิตรในภูมิภาคเอเชีย และ Ecosystem ที่สมบูรณ์ เพื่อที่จะผลักดันเทคโนโลยี Blockchain ให้เกิดการนำมาใช้ในวงกว้าง และมีเป้าหมายที่จะส่งมอบนวัตกรรมการเงินที่น่าเชื่อถือ เข้าถึงได้ง่ายให้แก่ทุกคนอย่างแน่นอน นายชัชวาลย์ กล่าว