แม้นักวิชาการ นักการตลาดจะออกมาระบุว่า นับจากนี้อุตสาหกรรมสื่อเมืองไทย จะมีเม็ดเงินทั้งระบบไม่เกิน 1 แสนล้านบาท จากเดิมที่เคยสูงเกินกว่า 1 แสนล้านบาทต่อเนื่องหลายปี เม็ดเงินที่ลดลงดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบต่อสื่อแต่ละประเภท โดยเฉพาะ “สื่อทีวี” ซึ่งเป็นสื่อหลัก ยังคงอยู่ในสภาวะที่ทรงกับทรุดต่อเนื่อง แม้กสทช. จะออกมาตรการมาสนับสนุน ทั้งเรื่องของการคืนใบอนุญาตฯ พร้อมจ่ายเงินชดเชย การลดค่ามัค ฯลฯ แต่ภาพรวมยังคงไม่ดีขึ้น ทั้งจากการแข่งขันที่รุนแรง ภาวะเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์สื่อ
ขณะที่ “สื่อสิ่งพิมพ์” เป็นอีกสื่อที่อยู่ในช่วงขาลง และยังไม่มีสัญญาณบวกใด ๆ ที่จะมาช่วยกระตุ้นให้เติบโต นอกเหนือจากการปรับแพลตฟอร์มสู่ “สื่อออนไลน์” ที่เติบโตต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาและมีแนวโน้มที่จะขยายตัว จากการเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่
ปัจจัยหนึ่งที่ส่งสัญญาณการฟื้นตัวของสื่อคือ “โบนัส” และ “การปรับขึ้นเงินเดือน” ในทุกๆสิ้นปีหรือต้นปี ซึ่งในปีนี้ก็เช่นกัน “ฐานเศรษฐกิจ” ได้สำรวจผลการแจกโบนัสและการปรับขึ้นเงินเดือนของ “สื่อ” ใน 3 กลุ่มหลัก ทั้งสื่อทีวี สิ่งพิมพ์ และสื่อออนไลน์
++ คนทีวีทั้งรับ-ทั้งลุ้น
ในปี 2562 ประเมินว่า “สื่อทีวี” จะมีเม็ดเงินโฆษณากว่า 4 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนกว่า 50% ของสื่อทั้งหมด เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2561 ขณะที่การลดปริมาณช่องทีวีเหลือเพียง 15 ช่อง แนวโน้มเม็ดเงินโฆษณาอาจจะลดลงไม่มากนัก เพราะสัดส่วนเม็ดเงินโฆษณาจากช่องที่ยุติออกอากาศมีจำนวนน้อย
ในกลุ่ม “สื่อทีวี” นอกจากช่อง 7 ที่ยังคงแจกโบนัสเฉลี่ย 0.5-1 เดือน พร้อมกับปรับขึ้นเงินเดือน ใกล้เคียงกับปีก่อน เช่นเดียวกับ “คนข่าว MONO 29” ที่ได้เฮ เพราะรับโบนัสกันไปแล้วตั้งแต่ 0.5-1 เดือน เป็นของขวัญปีใหม่ ขณะที่ปีนี้จะเป็นปีแรกที่ “ไทยรัฐทีวี” ส่งสัญญาณว่าจะแจกเงินพิเศษหรือโบนัสให้กับพนักงาน หลังจากที่ทำผลงานดี ส่วนช่องที่เคยแจกโบนัสงามๆ อย่าง “เวิร์คพอยท์” “อาร์เอส” (ช่อง 8) “PPTV” ตัวเลขการแจกโบนัสหรือปรับเงินเดือนยังไม่สรุป จึงต้องลุ้นต่อไป เช่นเดียวกับ TNN ที่คาดว่าจะแจกโบนัสให้กับพนักงาน เริ่มตั้งแต่ 0.5 เดือน – 2 เดือนขึ้นอยู่กับผลประเมินจาก KPI
ส่วนช่องที่ไม่ต้องลุ้น เพราะประกาศนโยบายชัดเจนว่า “ไม่มีโบนัสและไม่มีการปรับขึ้นเงินเดือน” คือ ช่อง 3 หรือ 33HD ที่แม้จะได้รับเงินชดเชยคืนจากกสทช. เป็นเม็ดเงินกว่า 820 ล้านบาท เช่นเดียวกับ “อสมท” ที่ไม่แจกโบนัสให้กับพนักงานเช่นเดียวกับปีก่อน แต่หลายคนรอลุ้นว่า อาจจะมีการปรับขึ้นเงินเดือน หลังจากที่ตัวเลขรายได้เริ่มขยับดีขึ้นเล็กน้อย
++ ไทยรัฐย้ำสิ่งพิมพ์ขาลง งดแจกโบนัส
ถัดมาเป็นกลุ่ม ”สื่อสิ่งพิมพ์” แน่นอนว่า สิ่งพิมพ์ประเภทหัวสี ถูกจับตามากที่สุด โดยเฉพาะบรรดาบิ๊กๆ ในย่านวิภาวดีฯ ซึ่งสื่อหัวเขียวอย่าง “ไทยรัฐ” ก็ส่งสัญญาณถึงขาลงอย่างชัดเจน เมื่อส่งสัญญาณเป็นนัยๆ ว่าจะไม่มีการแจกโบนัสพนักงาน จากเดิมที่เป็นเบอร์ 1 เพราะเคยโบนัส 2- 3 เดือน และก่อนหน้านี้ก็ประกาศเลย์ออฟพนักงาน เพื่อลดต้นทุน ซึ่งกลับเป็นตัวเลขที่ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นเมื่อต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับพนักงาน สวนทางกลับกลุ่มไทยรัฐทีวี
ส่วน”เดลินิวส์” ปีนี้แม้ผลประกอบการโดยรวมจะยังไม่ดีขึ้นมากนัก แต่ยังคงแจกโบนัสเป็นขวัญและกำลังใจให้กับ “คนข่าว” และทีมงานเฉลี่ย 75% ของเงินเดือนเท่ากันหมด ส่วนการปรับขึ้นเงินเดือนยังต้องลุ้นต่อไป ขณะที่ “เครือมติชน” ยังต้องลุ้นผลประกอบการว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ก่อนที่จะประกาศแจกโบนัส ขณะที่ในปีนี้จะยังไม่มีการปรับขึ้นเงินเดือนหลังจากที่ปรับขึ้นไปแล้วในปีก่อน
ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ เห็นจะเป็นเครือเนชั่น ที่ล่าสุดพบว่า “กรุงเทพธุรกิจ” ประกาศแจกเงินโบนัสพนักงานเต็ม 100% ของเงินเดือน ขณะที่ “คนข่าวคมชัดลึก” ได้รับเงินพิเศษคนละ 5,000 บาทกันถ้วนหน้า ส่วน “ฐานเศรษฐกิจ” ยังลุ้น “ข่าวดี” ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ และเตรียมฉลองใหญ่ในวาระครบรอบ 40 ปีในปีนี้ด้วยเช่นกัน ฟากเครือบางกอกโพสต์ทั้งหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ ประกาศงดแจกโบนัสและปรับขึ้นเงินเดือนขึ้นไปก่อนหน้านี้แล้ว
++ สื่อออนไลน์ รับทรัพย์ถ้วนหน้า
มาที่ “สื่อออนไลน์” เริ่มต้นกับสื่อออนไลน์ที่มาแรงอย่าง “ลงทุนแมน” หลังโชว์ผลงาน ดันยอดผู้อ่านพุ่งแรงแล้ว ก็ประกาศแจกโบนัสพนักงานเกินกว่า 100% โดยเฉลี่ยกว่า 1 เดือน เช่น พนักงาน A มีฐานเงินเดือน 30,000 บาทจะได้รับโบนัสราว 35,000 บาท รวมถึงยังมีปรับฐานเงินเดือนให้พนักงานขึ้น 15% หรือราว 4,000-5,000 บาทด้วย
เช่นเดียวกับ “The Standard” และ “Marketeer” ก็ได้รับโบนัสเช่นเดียวกัน โดยปีนี้ได้มีการแจ้งต่อพนักงานว่าจะแจกโบนัสให้พนักงานเป็นเฉลี่ย 1 – 1.5 เดือน ขึ้นอยู่กับผลการประเมินของแต่ละคน ปีนี้จึงถือเป็นปีทองของ “คนข่าวออนไลน์” ที่รับทรัพย์กันถ้วนหน้า แต่แนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรง ก็ส่งสัญญาณว่าจะต้องทำงานหนักขึ้น และนำเสนอทั้งคอนเทนต์และแพลตฟอร์มใหม่ๆ ออกมาต่อไป