มองมุม(พ่อค้า)ทรัมป์  ก่อสงครามฟันกำไร 3 เด้ง   

08 ม.ค. 2563 | 09:48 น.

 

หากจะลองคิดผ่านมุมมองของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่คิดอย่างพ่อค้า ก็คงไม่มีประเทศไหนอีกแล้ว ที่จะได้ประโยชน์จากสถานการณ์การเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิหร่าน รวมทั้งความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลางและความหวาดหวั่นเกี่ยวกับภัยสงคราม มากไปกว่าสหรัฐอเมริกา  เพราะประเทศที่ได้ชื่อว่ามีปริมาณสำรองน้ำมันและทองคำมากที่สุดในโลกก็คือสหรัฐฯ อีกทั้งสหรัฐฯยังเป็นประเทศผู้ค้าอาวุธสงครามที่ครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดในโลก

 

   รองศาสตราจารย์ อักษรศรี พานิชสาส์น

 

รองศาสตราจารย์ อักษรศรี พานิชสาส์น ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา แสดงทัศนะผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Aksornsri Phanishsarn วันนี้ (8 ม.ค.) เกี่ยวกับกรณีการเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิหร่าน ซึ่งทวีอุณหภูมิความตึงเครียดในตะวันออกกลางมากขึ้นเรื่อยๆว่า หากลองอ่านเกมของผู้นำสหรัฐฯ จากข้อความในทวิตเตอร์ล่าสุดที่เป็นการตอบโต้หลังจากที่อิหร่านเปิดฉากยิงขีปนาวุธมากกว่า 12 ลูกถล่มฐานทัพอากาศ 2 แห่งของสหรัฐฯในประเทศอิรัก จะเห็นได้ว่าท่ามกลางความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจโลกและตลาดหุ้นที่ร่วงระนาว ราคาน้ำมันจะแพงขึ้น และราคาทองคำก็จะพุ่งแรง สหรัฐฯเป็นประเทศที่จะได้ประโยชน์อย่างยิ่งจากสถานการณ์เช่นนี้

 

 

 

#อ่านเกมทรัมป์ ยิ่งอ่านทวิตเตอร์ของคุณทรัมป์ที่แกตอบโต้หลังจากที่อิหร่านเปิดฉากยิงขีปนาวุธเพื่อแก้แค้น 08/01/2020 แล้วอวดโม้ว่า สหรัฐฯ มีกองทัพที่ทันสมัยกว่าใคร ยิ่งชัดว่า คุณทรัมป์คิดแบบพ่อค้า !!! #ยั่วยุความขัดแย้งทั่วโลกเพื่อหวังขายของ !!! ((แกคงอยากจะโม้ว่า อุตสาหกรรมผลิตอาวุธของสหรัฐล้ำหน้ากว่าใคร)) คุณทรัมป์กล้าทำทุกอย่างเพื่อหวังขายอาวุธให้ทั่วโลก แล้วนำรายได้มากระตุ้นเศรษฐกิจเมกา  แกคงหวังจะหาเงินมายกเครื่องโครงสร้าง Infrastructure ที่ล้าหลังในเมกา เพื่อหวังให้แซงหน้าจีน ให้ทันด้วยมังคะ ทั้งหมดนี้ จะสร้างความเสียหายให้เศรษฐกิจโลก แม้ว่าหุ้นจะร่วง ราคาน้ำมันจะแพง แต่ราคาทองคำจะพุ่งนะคะ แล้วประเทศไหนล่ะที่มีสำรองน้ำมันและมีทองคำมากติดอันดับต้นของโลก คำตอบตามนี้เลยค่ะ

1) สหรัฐฯ มีสำรองน้ำมันมากที่สุดในโลก #OilReserve

2) สหรัฐฯ มีทองคำสำรองมากที่สุดในโลก #GoldReserve

3) อุตสาหกรรมอาวุธของสหรัฐฯ ครองตลาดโลก

 

มองมุม(พ่อค้า)ทรัมป์  ก่อสงครามฟันกำไร 3 เด้ง   

 

ทั้งนี้  จากข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2562 สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีปริมาณสำรองน้ำมันดิบมากเป็นอันดับ 1 ของโลก โดยมีปริมาณน้ำมันดิบในสำรองที่ระดับ 12,463,200 บาร์เรล/วัน  ตามมาด้วยอันดับ 2 คือ รัสเซีย อันดับ 3,4 และ 5 คือ ซาอุดิอาระเบีย อิรัก และแคนาดา ตามลำดับ (ข้อมูลจาก www.knoema.com)

 

ส่วนปริมาณสำรองทองคำของประเทศต่างๆทั่วโลกนั้น ข้อมูลในเดือนธันวาคม 2562 ชี้ว่า สหรัฐฯเป็นประเทศที่ถือครองทองคำไว้ในสำรองมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในปริมาณ 8,133.46 ตัน ส่วนอีก 4 ประเทศที่ตามเข้าอันดับ Top5 มาได้แก่ เยอรมนี อิตาลี ฝรั่งเศส และรัสเซีย ตามลำดับ  ขณะที่จีนนั้น ถือครองทองคำในสำรองมากเป็นอันดับ 6 ที่ปริมาณ 1,948.31 ตัน (ข้อมูลจาก tradingeconomics.com)

 

ในแง่ยอดขายอาวุธสงคราม ข้อมูลจากสถาบันวิจัยสันติภาพโลกแห่งกรุงส ต็อคโฮล์ม (Stockholm International Peace Research Institute หรือ SIPRI) ระบุว่า อุตสาหกรรมอาวุธของโลกมียอดขายพุ่งสูงขึ้น 4.6% ในปี 2561 โดยยอดขายรวมของ 100 บริษัทค้าอาวุธรายใหญ่ที่สุดนั้นอยู่ที่ระดับ 420,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยบริษัทที่มียอดขายสูงสุด 5 อันดับแรก หรือ Top5 นั้นล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทค้าอาวุธของสหรัฐฯ ได้แก่ ล็อคฮีด มาร์ติน, โบอิ้ง, นอร์ทธร็อป กรัมแมนน์, เรย์ธีออน และเจเนอรัล ไดนามิคส์  ทั้ง 5 รายนี้ มียอดขายรวมกัน 148,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรืดคิดเป็นสัดส่วน 35% ของตลาดค้าอาวุธสงครามในภาพรวม  แต่หากรวมยอดขายของบริษัทค้าอาวุธสงครามทุกรายของสหรัฐฯแล้ว ส่วนแบ่งตลาดโลกนั้นสูงถึง 59%