สทท.คาดท่องเที่ยวปี63โตตํ่า5% จี้เอกชนต้องปรับตัว

11 ม.ค. 2563 | 01:00 น.

 

ทิศทางการท่องเที่ยวในปีนี้ในมุมมองของภาคเอกชนเป็นเช่นไร และธุรกิจต้องปรับอย่างไรเพื่อให้ยืนอยู่ได้ ท่ามกลางแนวโน้มการขยายตัวด้านการท่องเที่ยวที่เติบโตลดลง อ่านได้จากสัมภาษณ์นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.)

 

สทท.คาดท่องเที่ยวปี63โตตํ่า5%  จี้เอกชนต้องปรับตัว

ชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร

 

คาดท่องเที่ยวปี63โตไม่ถึง5%

ในปีที่ผ่านมาสทท.ก็เห็นอยู่ว่าการท่องเที่ยวของไทยในปี 2562 ไม่ได้ลดลง แต่มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ราว 4-5% เท่านั้น ซึ่งจากการสำรวจของสทท.ก็ถือว่าใกล้เคียงกัน โดยในแง่ของจำนวนนักท่องเที่ยวก็อยู่ที่ราว 39.7 ล้านคน ใกล้จะแตะ 40 ล้านคน แต่ในแง่ของรายได้ของตลาดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศไม่ถึง 2 ล้านล้านบาท แต่น่าจะอยู่ที่ราว 1.97 ล้านล้านบาท

การขยายตัวของการท่องเที่ยวในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นน้อยมาก ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการท่องเที่ยวช่วงไตรมาส 4 ปี 2562 ซึ่งสทท.สำรวจจึงพบว่าความเชื่อมั่นลดลงไปมาก จากสภาวะเศรษฐกิจโลกโตถดถอย สงครามการค้าสหรัฐอเมริกา-จีน และการแข็งค่าของเงินบาทที่ยังคงแข็งค่ามากที่สุดในภูมิภาคนี้

จากปัญหาต่างๆที่ยังคงอยู่ในปีนี้ ยังคงเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ผู้ประกอบการจะเหนื่อยขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากในปี 2563 การท่องเที่ยวของไทยมีแนวโน้มเติบโตในลักษณะชะลอตัว สทท.คาดว่าตลอดทั้งปีนี้จะขยายตัวไม่เกิน 5% คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยราว 40 ล้านคนต้นๆ แต่ไม่น่าจะถึง 41 ล้านคน

 

นักท่องเที่ยวเปลี่ยนพฤติกรรม

อีกปัจจัยสำคัญซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการท่องเที่ยว คือ พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่แม้จะยังคงเดินทางมาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น แต่พฤติกรรมเปลี่ยนไปจากในอดีตมาก ส่วนใหญ่จะเดินทางเที่ยวด้วยตัวเอง(เอฟไอที) มากกว่าเดินทางมากับกรุ๊ปทัวร์เหมือนในอดีต ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการท่องเที่ยวในปีนี้จะต้องเผชิญกับภาวการณ์ที่หนักกว่าเดิม

  ดังนั้นจะเห็นชัดเจนว่าธุรกิจที่เปิดให้บริการโดยมีเป้าหมายรองรับนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ จะกระทบมาก ไม่ว่าจะเป็นบริษัทนำเที่ยวต่างๆ ซึ่งลูกค้ามีแต่จะลดลงไปเรื่อยๆ รวมถึงร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร โรงแรม รถบัสนำเที่ยวขนาดใหญ่ หากรับตลาดกรุ๊ปทัวร์เป็นหลัก ถ้าไม่ปรับตัวก็จะอยู่ยาก และเป็นกลุ่มที่เราจะเห็นว่าออกมาร้องเสียงดังกว่ากลุ่มอื่น

สวนทางกับธุรกิจท่องเที่ยวที่รองรับนักท่องเที่ยวเอฟไอที จากการสำรวจพบว่ามีการเติบโตเพิ่มขึ้น อาทิ การให้เช่ารถตู้ หรือรถบัสขนาดเล็ก ไม่เกิน 20 ที่นั่ง รายการนำเที่ยวสำหรับเอฟไอทีแพ็กเกจ สตรีตฟู้ด เป็นต้น

 

รร.5ดาวไปได้ที่เหลืออ่วม

ขณะที่ธุรกิจโรงแรมภาพรวมก็จะได้รับผลกระทบมาก เพราะปัจจุบันก็อยู่ในภาวะโอเวอร์ซัพพลาย การเติบโตด้านการท่องเที่ยวที่ขยายตัวแบบชะลอตัว จะยิ่งทำให้มีการใช้สงครามราคาเพื่อกระตุ้นยอดขาย มากกว่าปีที่ผ่านมา แม้แต่โรงแรมระดับ 5 ดาวจะลดราคามาแข่งกับโรงแรม 3-4 ดาว ซึ่งโรงแรมระดับ 5 ดาวยังคงไปได้ โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นโรงแรมที่ใช้เชนบริหาร เนื่องจากมีเครือข่ายในการทำการตลาดที่เข้มแข็งในหลายประเทศ

ทั้งเมื่อโรงแรมในระดับนี้ลดราคาลงมา ก็จัดว่าจูงใจให้ลูกค้าเข้าไปพักอยู่แล้วในระดับหนึ่ง แต่จะส่งผลกระทบต่อโรงแรมระดับกลางๆ ลงมา ที่จะได้รับผลกระทบมาก อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากธุรกิจการจองที่พักบนแพลตฟอร์มของ Airbnb ซึ่งนักท่องเที่ยวแบบเอฟไอทีจะนิยมไปพักที่พักต่างๆที่ขายผ่าน Airbnb

 หรือเลือกที่จะไปพักตามอพาร์ตเมนต์ ที่หันมาขายห้องพักแบบรายวันมากขึ้น ซึ่งแม้จะไม่ถูกกฎหมาย แต่ขายราคาถูก ก็ทำให้คนเลือกไปพักกันเพิ่มขึ้นแทนมาพักโรงแรม ทำให้ธุรกิจโรงแรมในภาพรวมปีนี้หนักหนามาก จากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น

 

สทท.คาดท่องเที่ยวปี63โตตํ่า5%  จี้เอกชนต้องปรับตัว


 

 

จี้ธุรกิจต้องปรับตัว

ธุรกิจท่องเที่ยวจำเป็นอย่างมากที่จะต้องปรับตัว หันมาปรับวิธีการขายให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด สร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว สร้างมาตรฐานด้านการบริการให้ดีขึ้น ดูแลเรื่องของความสะอาด ไม่หลอกลวงนักท่องเที่ยว การทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความประทับใจและเชื่อมั่น จะทำให้สามารถรักษาลูกค้าไว้ได้

อีกทั้งยังต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ กับการใช้เทคโนโลยีมาเป็นตัวช่วยในการดำเนินธุรกิจ เพราะถ้าไปปรับตัวก็คงจะอยู่ได้ลำบากขึ้น โดยเฉพาะบริษัทนำเที่ยวและรถบัสนำเที่ยวขนาดใหญ่ ซึ่งผู้ประกอบการต้องปรับตัวหันมาเพิ่มช่องทางขายผ่านทางออนไลน์มากขึ้น การจัดโปรโมชันเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว รวมถึงหาจุดขายของตัวเองให้ได้

ชง3 ข้อเสนอให้รัฐซัพพอร์ต

ในส่วนของสทท.เอง ก็อยู่ระหว่างทำข้อเสนอให้รัฐบาลพิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ เรื่องแรก คือการช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี เพราะธุรกิจเหล่านี้จะมีสายป่านที่ไม่ยาวพอ ซึ่งสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการ คือการได้รับการสนับสนุนสินเชื่อจากภาครัฐ เพราะที่ผ่านมาแม้รัฐบาลจะสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี แต่ปัญหาคือในทางปฏิบัติไม่มีใครสามารถกู้เงินได้จริง

 เนื่องจากติดข้อจำกัดในเรื่องของสินทรัพย์ค้ำประกัน, เอ็นพีแอล (หนี้เสีย), งบการเงินที่ผ่านมาขาดทุนไม่สะท้อนว่าจะก่อให้เกิดกำไรได้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ถูกธนาคารปฏิเสธการให้สินเชื่อ สทท.จึงอยากให้รัฐบาลเข้ามาหาวิธีการที่จะทำให้กลุ่มเอสเอ็มอีเหล่านี้สามารถกู้เงินได้ เพื่อนำเงินมาปรับปรุงการให้บริการ และเสริมสภาพคล่องทางธุรกิจ

 เรื่องที่ 2 คือ ส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ เพราะมาตรการชิมช้อปใช้ ของรัฐบาลเมื่อปีก่อน ในแง่ของการท่องเที่ยวอาจจะไม่ได้รับอานิสงส์มากนัก เนื่องจากคนจะไปชิม และช็อป กันเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นสทท.จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลหามาตรการอื่น เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยจะเสนอรัฐบาลออกมาตรการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ สามารถเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศได้ แทนจากปัจจุบันที่มีการห้ามไม่ให้เดินทาง เนื่องจากกำลังเข้าสู่ฤดูกาลเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น

เรื่องที่ 3 คือ การขับเคลื่อนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น โดยสทท.ยังคงมองว่าตลาดหลักก็ยังคงเป็นนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งจะทิ้งไม่ได้ ขณะที่อินเดียยังคงเป็นตลาดที่มีการขยายตัวอย่างมาก รองลงมาคือการโฟกัสตลาดนักท่องเที่ยวจากอาเซียน เนื่องจากมีความถี่ในการเดินทางมาไทยทำให้หวังผลในการกระตุ้นการท่องเที่ยวได้มาก

 

ผนึกทีเส็บปั๊มประชุม-สัมมนา

นอกจากนี้สทท.ยังอยู่ระหว่างการร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน)หรือทีเส็บ ในการผลักดันให้เกิดโครงการประชุมเมืองไทย ภูมิใจช่วยชาติเพื่อส่งเสริมให้เกิดการเดินทางจัดประชุมสัมมนาข้ามเขต เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยว โดยทีเส็บจะทำโครงการเสนอรัฐเพื่อขอใช้งบประมาณราว 200 ล้านบาทในการดำเนินโครงการนี้

โครงการนี้ทีเส็บจะสนับสนุนเงินให้ 2 หมื่นบาทต่อ 1 กรุ๊ป สำหรับการจัดประชุมสัมมนาข้ามเขต ขนาดกรุ๊ปละไม่ต่ำกว่า 40 คน เพื่อจูงใจให้เกิดการจัดประชุมและท่องเที่ยวข้ามเขต ซึ่งเฉลี่ยจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ราว 4-5 หมื่นบาทต่อกรุ๊ป(ไม่รวมการช็อปปิ้ง) ดังนั้นหากรัฐสนับสนุนเงินให้ 2 หมื่นบาท ก็น่าจะจูงใจให้เกิดการเดินทางมากขึ้น เพียงแต่มีเงื่อนไขว่าต้องใช้บริการผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่เป็นสมาชิกของสทท. ที่มีกว่า 100 สมาคมทั่วประเทศ โดยจำกัดการสนับสนุนอยู่ที่ 1 หมื่นกรุ๊ปเท่านั้น

มาตรการนี้ไม่เพียงกระตุ้นให้เกิดการเดินทาง ยังเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวด้วยนั่นเอง

 

หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,538 วันที่ 9-11 มกราคม 2563

สทท.คาดท่องเที่ยวปี63โตตํ่า5%  จี้เอกชนต้องปรับตัว