DRT ส่องเทรนด์วัสดุก่อสร้างปี63 ลุ้นรับอานิสงส์ภาษีที่ดินฯ

07 ม.ค. 2563 | 04:02 น.

ผลิตภัณฑ์ตราเพชร มองแนวโน้มตลาดวัสดุก่อสร้างปี 63  โตต่อเนื่อง จากปัจจัยบวก พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กระตุ้นเจ้าของที่ดินนำออกมาใช้ประโยชน์หวังลดภาระภาษี

 

ผลิตภัณฑ์ตราเพชร มองแนวโน้มตลาดวัสดุก่อสร้างปี 63  โตต่อเนื่อง จากปัจจัยบวก พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กระตุ้นเจ้าของที่ดินนำออกมาใช้ประโยชน์หวังลดภาระภาษี  ทั้งกลุ่มห้างค้าปลีกวัสดุสมัยใหม่รุกผุดสาขาต่อเนื่อง รับพฤติกรรมความต้องการซื้อสินค้า ไปปรับปรุงซ่อมแซ่มมาแรง  หนุนกลุ่มไม้สังเคราะห์และอิฐมวลเบาโดดเด่น

นายสาธิต  สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท  ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT  ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ แผ่นบอร์ด ยิปซัม อิฐมวลเบา คานทับหลัง เคาน์เตอร์มวลเบาสำเร็จรูปและบริการหลังการขายภายใต้ตราสินค้า ‘ตราเพชร’ เผยว่าแนวโน้มภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างปี 2563 เติบโตใกล้เคียงกับภาพรวมเศรษฐกิจ หรือไม่เกิน 5% จากปัจจัย พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่มีผลบังคับใช้ในปีนี้ จะช่วยกระตุ้นให้เจ้าของที่ดินนำที่ดินเปล่าที่เก็บสะสมไว้มาใช้ประโยชน์  เพื่อลดภาระการจ่ายภาษี เช่น นำมาปลูกสร้างที่อยู่อาศัยหรือลงทุนก่อสร้างร้านค้าเพื่อค้าขาย ส่งผลดีต่อความต้องการใช้สินค้าวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกันความต้องการใช้วัสดุก่อสร้าง  เพื่อนำไปปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัยจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 40% ของมูลค่าตลาดรวมวัสดุก่อสร้างทั้งหมด  เมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา ซึ่งสัดส่วนยอดขายสินค้าเพื่อปรับปรุงและซ่อมแซมอยู่ที่ 20-30% และเพื่อการก่อสร้างบ้านใหม่อยู่ที่ 70-80%  จากปัจจัยการพัฒนาฟังก์ชั่นการใช้งานของผลิตภัณฑ์วัสดุตกแต่งภายในและภายนอกมีฟังก์ชั่นการใช้งานให้เลือกหลายแบบ  สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคได้อย่างหลากหลาย ส่งผลให้เจ้าของบ้านเลือกปรับปรุงและต่อเติมบ้านเพื่อรองรับการขยับขยายที่อยู่อาศัย  ทั้งนี้ ด้วยปัจจัยดังกล่าว ผู้ประกอบการห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ชั้นนำ จึงเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อการเพิ่มโอกาสการขายสินค้าแก่ผู้ผลิตสามารถเข้าถึงผู้บริโภคในพื้นที่ต่างๆ

DRT ส่องเทรนด์วัสดุก่อสร้างปี63 ลุ้นรับอานิสงส์ภาษีที่ดินฯ

เช่นเดียวกับกลุ่มลูกค้าโครงการ ที่คาดว่าจะมีความต้องการใช้สินค้าและบริการติดตั้ง  เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมากขึ้นต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา  โดยประเมินว่า ผลิตภัณฑ์กลุ่มไม้สังเคราะห์มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นจากการนำวัสดุทดแทนไม้ไปใช้ตกแต่งที่อยู่อาศัยได้อย่างหลากหลาย เช่นเดียวกับอิฐมวลเบาที่ถูกนำมาใช้ทดแทนอิฐมอญช่วยลดระยะเวลาการก่อสร้าง และสามารถนำไปใช้งานในส่วนอื่นๆ อาทิ เคาน์เตอร์มวลเบาสำเร็จรูป

“เรามองว่าตลาดวัสดุก่อสร้างในปีนี้ยังเติบโตจากปีก่อน  สะท้อนจากยอดขายเดือนธันวาคมที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ทั้งสินค้ากลุ่มหลังคา ไม้สังเคราะห์ และอิฐมวลเบาที่ยังต้องเร่งผลิตสินค้าเพื่อเพิ่มปริมาณสต๊อกสินค้ารอการขายจากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 5-10 วัน” นายสาธิต กล่าว