กลุ่มร.พ.ปี63 โตชะลอ  แข่งขันสูง-รายใหม่เกิดเพียบ

05 ม.ค. 2563 | 09:54 น.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดหุ้นกลุ่มร.พ.ปี 63 เติบโต 3-6% ชะลอลงจากปี 62 ชี้การแข่งขันสูง ปัจจัยกดดันต่อเนื่อง แนะกระจายความเสี่ยง หาช่องทางเสริมรายได้ใหม่ โบรกฯมองจำนวนเตียงจดทะเบียนเพิ่มกระทบร..ในตัวเมือง

รายงานข่าวจากตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า การเปิดซื้อขายหุ้นไทยวันแรกของปี วันที่ 2 มกราคม 2563 ดัชนีหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลปรับเพิ่มขึ้น 29.66 จุด หรือ 0.53% อยู่ที่ 5,637.99 จุด ปรับขึ้นตามดัชนีหุ้นไทยที่ปรับเพิ่มขึ้น 15.98 จุด หรือ 1.01% อยู่ที่ 1,595.82 จุด โดยหุ้นที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) (PR9) ปิดที่ 8.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.35 บาท หรือ 4.46% สวนทางกับหุ้น บริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) (RAM) ปิดที่ 150.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 1.32%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ในปี 2563 ภาพรวมกำไรสุทธิของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่จดทะเบียนอยู่ในตลท. จะเติบโต 3-6% ชะลอลงเมื่อเทียบกับปี 2562 ที่คาดว่าจะเติบโต 6-9% โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชนที่เจาะกลุ่มคนไข้กำลังซื้อปานกลางถึงสูง ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการแข่งขันที่รุนแรง ส่วนกลุ่มที่คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้นคือเน้นเจาะกลุ่มคนไข้ที่ใช้สิทธิรักษาพยาบาลของรัฐ

นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ต้องติดตามโดยเฉพาะมาตรการควบคุมราคาสินค้า ยา เวชภัณฑ์และการบริการทางการแพทย์ ที่จะกดดันการทำกำไรของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนแตกต่างกันไปในแต่ละราย ดังนั้นเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงจากการสร้างรายได้และทำกำไรของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ผู้ประกอบการควรปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยมองหาแหล่งรายได้ใหม่ๆ เข้ามาเสริมนอกเหนือไปจากรายได้หลักที่เป็นค่ารักษาพยาบาล ซึ่งธุรกิจในกลุ่ม Non-hospital เป็นกลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจและมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น เช่น ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ เป็นต้น

กลุ่มร.พ.ปี63 โตชะลอ  แข่งขันสูง-รายใหม่เกิดเพียบ

“ในภาวะที่เศรษฐกิจและกำลังซื้อของคนไข้ในประเทศยังไม่ฟื้นตัว จำนวนคนตกงานอาจเพิ่มขึ้น ทำให้การมองหาตลาดคนไข้กลุ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าประกันสุขภาพเอกชนอาจจะไม่ง่ายเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา อีกทั้งการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวที่ชะลอตัว ตลาดคนไข้ต่างชาติกลุ่ม Medical Tourism อย่างจีนที่คาดว่าจะเป็นตลาดเป้าหมายของไทยก็ต้องเผชิญการแข่งขันที่สูงขึ้นกับคู่แข่งที่มองตลาดเดียวกันกับไทย

ขณะที่ผู้เล่นหน้าใหม่ทยอยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีมานี้ ซึ่งรวมถึงกลุ่มโรงพยาบาลรัฐที่เข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนไข้ จึงน่าจะกดดันการเติบโตของรายได้ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนให้ชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ยังคงมีต่อเนื่องจากการปรับตัวของผู้ประกอบการ เพื่อสร้างความแตกต่างและรักษาความสามารถในการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายทางด้านบุคลากรทางการแพทย์ ที่ทำให้เกิดการดึงตัวและคาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น การลงทุนทางด้านเทคโนโลยีและบริการเฉพาะทางที่สร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจ หรือแม้แต่การเสนอส่วนลดบางรายการสำหรับคนไข้บางกลุ่ม

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ในปี 2563 มองแนวโน้มการแข่งขันในอุตสาหกรรมโรงพยาบาลรุนแรงมากขึ้น จากอุปทานจำนวนเตียงจดทะเบียนเพิ่มมากกว่า 3,200 เตียง หรือไม่ต่ำกว่า 8% ของเตียงจดทะเบียนโรงพยาบาลเอกชนในปัจจุบัน ซึ่งมองว่าจะกระทบต่อโรงพยาบาลที่อยู่ในตัวเมืองและใกล้จุดที่มีการเปิดโรงพยาบาลใหม่ อย่าง BH และ BDMS

สำหรับกลุ่มโรงพยาบาลที่รับประกันสังคม มองว่ามีประเด็นบวกรออยู่จากการยื่นปรับขึ้นค่าหัวประกันสังคม โดยหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ จากการปรับขึ้นค่าหัวประกันสังคม ได้แก่  BCH สัดส่วนรายได้ประกันสังคมที่ 35%, RJH 45%, CHG 34%, LPH 33%, CMR 25% และ VIBHA ซึ่งได้ผลบวกทางอ้อมจากการถือหุ้น CMR ประมาณ 83.75% ทั้งนี้คงประมาณกำไรปี 2563 เติบโต 5.6% เป็น 12,052 ล้านบาท ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะมีกำไรเติบโตดีกว่ากลุ่ม ได้แก่ THG และ CHG

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,537 วันที่ 5-8 มกราคม 2563

                   กลุ่มร.พ.ปี63 โตชะลอ  แข่งขันสูง-รายใหม่เกิดเพียบ