เริ่มต้นศักราชใหม่กับการนับถอยหลังเส้นทางการเมืองของนัก การเมืองหลายสิบชีวิต ใต้ร่มเงาของ “พรรคอนาคตใหม่” ที่กำลังไต่เส้นลวดอยู่ตอนนี้กับ “คดีกู้ยืมเงิน 191 ล้านบาท” ระหว่าง “พรรคอนาคตใหม่” กับ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรค
หลังจากเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2562 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไว้พิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรค อนาคตใหม่ตามมาตรา 92 วรรค 1 (3) ประกอบมาตรา 72 พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ที่ระบุ ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่า ได้มาโดยไม่ชอบ ด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า มีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค ตามมาตรา 92 (3) ของกฎหมายพรรคการเมือง
ทั้งนี้ หากศาลรธน.วินิจฉัยให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ กฎหมายกำหนดให้ ส.ส.ของพรรคต้องหาสังกัดใหม่ภายใน 60 วัน ส่วน “คณะกรรมการบริหารพรรค” ต้องสิ้นสภาพความเป็น ส.ส. และถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ทั้งยังต้องโทษจำคุกในคดีอาญาไม่เกิน 5 ปี
ตามบทบัญญัติมาตรา 124 ที่ระบุว่า ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 66 วรรค 1 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 5 ปี
และในมาตรา 125 ระบุว่า พรรคการเมืองใดรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดมีมูลค่าเกินที่กําหนดไว้ในมาตรา 66 วรรค 2 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ หัวหน้าพรรคการเมือง และกรรมการบริหารพรรคการเมือง มีกําหนด 5 ปี และให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ส่วนที่เกินมูลค่าที่กําหนดไว้ตามมาตรา 66 ตกเป็นของกองทุนพรรคการเมืองด้วย
อย่างไรก็ดี ก่อนถึงเส้นตายในคดีปมเงินกู้ 191 ล้านบาท “กรรมการบริหารพรรค” และ “พรรคอนาคตใหม่” ต้องลุ้นผลคำร้องกรณีที่ นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ศาลรธน.วินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค ข้อหาล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ ในวันที่ 21 มกราคมนี้เสียก่อน
เรื่องราวของ “คดีกู้ยืมเงิน 191 ล้านบาท” ถูกขยายปมนับตั้งแต่วันที่ “ธนาธร”หัวหน้าพรรคไปบรรยายที่สมาคมนักข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2562 ว่า เขาได้ให้พรรคยืมเงินเพื่อใช้ในกิจกรรมหาเสียงเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ประมาณ 110 ล้านบาท เนื่องจากไม่สามารถหาเงินระดมทุนได้ทันเวลา ต่อมา “ช่อ-พรรณิการ์ วานิช” โฆษกพรรคให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ได้เป็นการยืมเงินแต่เป็นการปล่อยกู้ให้กับ พรรคซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจาก “กรรมการบริหารพรรค” โดยพรรคจะจ่ายเงินคืนให้แก่นายธนาธรทั้งหมด
ก่อนปรากฏหลักฐานการกู้ยืมเป็นเอกสารชัดเจน เมื่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. โดยนายธนาธรได้แจ้งว่า ให้พรรคกู้ยืมเงินกว่า 191 ล้านบาท รวม 2 สัญญา
สัญญาแรกทำขึ้นเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2562 จำนวน 161.2 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี โดยในสัญญาได้กำหนดเงื่อนไขให้พรรคต้องชำระหนี้คืนให้นายธนาธร พร้อมดอกเบี้ยภายใน 3 ปี แบ่งเป็น ปีที่ 1 ชำระเงินต้น 80 ล้านบาท ปีที่ 2 ชำระเงินต้น 40 ล้านบาท และปีที่ 3 ชำระเงินต้น 41.2 ล้านบาท หากผิดชำระจะมีค่าปรับวันละ 100 บาท โดยสัญญานี้พรรคอนาคตใหม่ รายงานว่า ปัจจุบันได้ชำระแล้ว 26.8 ล้านบาท แบ่งเป็น 5 งวด ห่างกันครั้งละ 10 วัน โดยชำระเป็นเงินสดทั้งหมด
สัญญาที่ 2 ทำขึ้นเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2562 จำนวน 30 ล้านบาท ดอกเบี้ย 2% ต่อปี ซึ่งสัญญาทั้ง 2 ฉบับนั้น มีชื่อ นายนิติพัฒน์ แต้มไพโรจน์ เหรัญญิกพรรคอนาคตใหม่ ปฏิบัติหน้าที่แทนหัวหน้าพรรค เป็นผู้รับ สัญญาผู้กู้
21 พฤษภาคม 2562 “ศรีสุวรรณ จรรยา” เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยยื่นร้องต่อกกต.ให้ตรวจสอบกรณีที่นายธนาธร หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ให้พรรคกู้ยืมเงินจำนวนดังกล่าวว่า เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 66 ในพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 หรือไม่
กกต.ได้มีมติพิจารณารับคำร้องไว้ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2562 จากนั้นในวันที่ 11 มิถุนายน 2562 กกต.ได้เรียกนายศรีสุวรรณ เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติม และได้มีหนังสือเชิญบุคคลในพรรคอนาคตใหม่เข้าให้ข้อมูลแก้ข้อกล่าว หาในวันที่ 8 กรกฎาคม 2562
ต่อมา ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 กกต.ได้เผยแพร่เอกสารข่าว ระบุว่า พรรคอนาคตใหม่ได้จัดส่งเอกสารบางส่วนแล้ว แต่ขอขยายเวลาการจัดส่งเอกสารที่ยังไม่ได้จัดส่งต่อกกต.ออกไปอีก 120 วัน ทั้งนี้ เป็นไปตามมติการประชุมกกต.เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 ที่รับทราบการจัดส่งเอกสารบางส่วนและมีมติให้ขยายเวลาการจัดส่งเอกสารที่เหลือโดยให้จัดส่งภายในวันที่ 2 ธันวาคม 2562
กระทั่งวันที่ 11 ธันวาคม 2562 กกต.ได้มีมติเสียงข้างมากให้ยื่นคำร้องต่อศาลรธน.เพื่อพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ ในคดีคำร้องเงินกู้ 191 ล้านบาทว่า เป็นการฝ่าฝืน มาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2562 จึงมีมติเสียงข้างมากให้ยื่นคำร้องต่อศาลรธน.เพื่อพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ประกอบมาตรา 93 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560
ก่อนสิ้นปี 2562 ในวันที่ 25 ธันวาคม 2562 ศาลรธน.ได้มีมติรับคำร้องของกกต.ไว้พิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ พร้อมให้แจ้งให้ผู้ร้องทราบ และส่งสำเนาคำร้องให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้องดังกล่าว คาดว่าครบกำหนดราววันที่ 9-10 มกราคมนี้
ในปี 2563 อาจเป็นปี “หนูทอง” ของใครหลายๆ คน แต่สำหรับ “กรรมการบริหารพรรค” และ “พรรคอนาคตใหม่” ผลของ “คดีปมเงินกู้ 191 ล้านบาท” ที่งวดเข้ามาทุกขณะ จะกลายเป็นปี “หนูดุ” หรือไม่ นับถอยหลังได้เลย
หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,537 วันที่ 5-8 มกราคม 2563