ท่าอากาศยานเชียงใหม่ จัดให้“พาน้ำพริกกลับบ้าน”

30 ธ.ค. 2562 | 03:01 น.

ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เปิดโครงการ “พาน้ำพริกกลับบ้าน” เป็นของขวัญให้แก่ผู้โดยสารในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563

 

  ท่าอากาศยานเชียงใหม่ จัดให้“พาน้ำพริกกลับบ้าน”      

นายอมรรักษ์ ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ท่าอากาศยานเชียงใหม่เปิดโครงการ “พาน้ำพริกกลับบ้าน” ซึ่งจะดำเนินการระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 2 มกราคม 2563  เพื่อเป็นของขวัญให้แก่ผู้โดยสารในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยมอบบรรจุภัณฑ์มาตรฐานที่มีปริมาตรความจุ 100 มิลลิลิตร ติดฉลากบอกแหล่งที่มาและปริมาตรความจุที่ชัดเจน ให้แก่เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจค้น นำไปแจกจ่ายให้แก่ผู้โดยสารใช้ใส่อาหารเหลว โดยเฉพาะน้ำพริกหนุ่ม เพื่อให้สามารถนำขึ้นไปบนห้องโดยสารอากาศยานได้ 

ท่าอากาศยานเชียงใหม่ จัดให้“พาน้ำพริกกลับบ้าน”

ทั้งนี้ท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้ตั้งจุดคัดกรองเบื้องต้นก่อนผ่านกระบวนการตรวจ X ray บริเวณหน้าประตูทางเข้าห้องผู้โดยสารขาออก เพื่อให้ผู้โดยสารตรวจสอบของเหลว เจล สเปรย์ ที่อยู่ในสัมภาระติดตัว ซึ่งหากผู้โดยสารมีอาหารที่เข้าข่ายเป็นของเหลว ก็สามารถขอรับบรรจุภัณฑ์จากเจ้าหน้าที่ได้ ในจำนวนที่เหมาะสม และเป็นไปตาม “หลักเกณฑ์การตรวจค้นของเหลว เจล สเปรย์ที่จะนำขึ้นบนห้องโดยสารอากาศยาน หรือเข้าไปในเขตหวงห้ามของสนามบินสาธารณะ พ.ศ.2562” คือ ของเหลวในสัมภาระติดตัวต้องอยู่ในบรรจุภัณฑ์ไม่เกิน 100 มิลลิลิตร จำนวนสูงสุด 1,000 มิลลิลิตร      

ท่าอากาศยานเชียงใหม่ จัดให้“พาน้ำพริกกลับบ้าน”

ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวด้วยว่า หลังจากที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ ที่กำกับดูแลด้านการบินของไทย ได้ยกเลิกประกาศกรมการขนส่งทางอากาศ เรื่องข้อกำหนดเกี่ยวกับการนำของเหลว เจล สเปรย์ หรือวัตถุและสารอื่นๆ ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกันขึ้นในห้องโดยสารอากาศยาน ที่ประกาศและมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 และออกประกาศ “หลักเกณฑ์การตรวจค้นของเหลว เจล สเปรย์ที่จะนำขึ้นบนห้องโดยสารอากาศยาน หรือเข้าไปในเขตหวงห้ามของสนามบินสาธารณะ พ.ศ.2562” ฉบับใหม่ ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา ทำให้อาหารพื้นเมืองของภาคเหนือหลายอย่าง โดยเฉพาะอาหารที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อกลับไปเป็นของฝาก เช่น น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง และแกงฮังเล ถูกจัดเข้าข่ายตามประกาศของ กพท.โดยพบว่า ตั้งแต่หลักเกณฑ์ดังกล่าวมีผลบังคับใช้ ทำให้มีการทิ้งน้ำพริกที่ผู้โดยสารไม่สามารถนำขึ้นเครื่องได้เฉลี่ยวันละประมาณ 150 ชิ้น 

 

ดังนั้นหากผู้โดยสารต้องการนำไปกับอากาศยานต้องอยู่ในรูปแบบสัมภาระลงทะเบียน (โหลดใต้ท้องเครื่อง) หรือหากต้องการนำติดตัวขึ้นไปบนห้องโดยสารอากาศยาน จะต้องอยู่ในบรรจุภัณฑ์มาตรฐานที่ปิดสนิท มีปริมาตรไม่เกิน 100 มิลลิลิตร และมีข้อความระบุปริมาตรของบรรจุภัณฑ์    แหล่งที่มา ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์อย่างชัดเจน ส่วนอาหารพื้นเมืองอื่นๆ   เช่น แคบหมู ไส้อั่ว สามารถนำเข้าเขตหวงห้าม และขึ้นบนห้องโดยสารอากาศยานได้ แต่ต้องปิดบรรจุภัณฑ์ให้มิดชิด เพื่อไม่ให้เกิดกลิ่นรบกวนภายในห้องโดยสารอากาศยาน  

ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ ยังกล่าวด้วยว่าในวันที่ 31 ธันวาคม 2562 เป็นวันที่หน่วยงาน หรือสถานประกอบการต่างๆ อาจขออนุญาตจุดพลุหรือปล่อยโคมลอยเพื่อเฉลิมฉลอง ซึ่งการจุดพลุหรือปล่อยโคมดังกล่าว ขอให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 14) พ.ศ.2562 มาตรา 33 อย่างเคร่งครัด คือห้ามมิให้บุคคลใดจุดและปล่อยหรือกระทำการใด เพื่อให้บั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน ขึ้นไปสู่อากาศ ซึ่งเป็นการรบกวนหรือก่อให้เกิดอันตรายต่อการเดินอากาศหรือการปฏิบัติการของอากาศยาน ในเขตปลอดภัยการเดินอากาศ และเป็นไปตามประกาศจังหวัดเชียงใหม่คือต้องขออนุญาตนายอำเภอท้องที่ก่อนล่วงหน้า 15 วัน 

อย่างไรก็ตามเพื่อความปลอดภัยสายการบินทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศได้ยกเลิกเที่ยวบินจำนวน 54 เที่ยวบิน คิดเป็นร้อยละ 24 ของจำนวนเที่ยวบินทั้งหมด และเปลี่ยนแปลงเวลาทำการบิน 37 เที่ยวบิน รวมทั้งหมด 91 เที่ยวบิน โดยจะทำการบินให้แล้วเสร็จภายในเวลา 19.00 น.ทำให้เกิดผลกระทบกีบผู้โดยสารจำนวน 13,000 คน ผู้โดยสารที่จะเข้ามาเชียงใหม่ในช่วงเทศกาลปีใหม่26 ธันวาคม 2562-5 มกราคม 2563 ประมาณ 36,000 คน/วัน จำนวนเที่ยวบิน 240 เที่ยวบิน/วัน