“บิ๊กป้อม”โวราคาปาล์ม พุ่งแตะ6.60บาทต่อกก.

27 ธ.ค. 2562 | 06:10 น.

“บิ๊กป้อม” โว ราคาปาล์มพุ่ง แตะ 6.60 บาทต่อกิโลกรัม จากน้ำมัน "B10" ชี้ ชาวสวน ขอ 3.50 บาท อยู่ได้แล้ว

  “บิ๊กป้อม”โวราคาปาล์ม พุ่งแตะ6.60บาทต่อกก.

 

เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.62 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มแห่งชาติ (กนป.) ถึงกรณีสภาเกษตรกรแห่งชาติ เรียกร้องให้ติดตั้งเครื่องวัดปริมาณน้ำมันที่ถังเก็บน้ำมัน หรือ มิเตอร์ นั้น ว่า ปาล์มราคาขึ้นแล้ว เราก็ต้องดูแลเรื่องทั่วไป เรื่องการพิจารณากฎหมายเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องและเรื่องอะไรเหมาะสมกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกฎหมายเรื่องการส่งออก นำเข้า โดยขณะนี้ราคาปาล์มอยู่ที่ 6.60 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อถามว่าจะลดการนำปาล์มไปั่นไฟหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ ตนจะไปรู้ได้อย่างไร เพราะราคา 2.30 บาทยังอยู่กันได้เลย ตอนนี้ราคาอยู่ที่ 6.60 บาท กำไรเท่าไหร่ เมื่อถามว่า มีการระบุว่าที่ราคาปาล์มแพงช่วงนี้ เพราะผลผลิตปาล์มไม่มี พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะของเรากระทรวงพลังงาน นำไปทำน้ำมันบี 10

 

เมื่อถามว่า ราคาจะสูงขึ้นต่อเนื่องใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่ใช่ สูงต่อไปอะไร แค่นี้ก็สูงไปแล้ว เขาบอก 3.50 บาทก็อยู่ได้แล้ว” เมื่อถามอีกว่าแต่ราคานี้เกินเป้าแล้วพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เกินเป้าแล้ว จะให้ทำอย่างไร

 

เมื่อถามอีกว่า จะเป็นราคานี้ตลอดไปหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ ก็ขึ้นอยู่กับปาล์มน้ำมันจะล้นตลาดหรือไม่ เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ว่าจะมีการลักลอบมาจากชายแดน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นห่วงเพราะราคามันถูกกว่ากันมาก ส่วนสต็อกน้ำมันปาล์มขณะนี้อยู่ที่ เท่าไหร่ ตนไม่ทราบ

 

  “บิ๊กป้อม”โวราคาปาล์ม พุ่งแตะ6.60บาทต่อกก.

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม   ได้รับทราบสถานการณ์ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ซึ่งปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบคงเหลือ ระหว่างวันที่ 27 – 29 พฤศจิกายน 2562 มีจำนวน 412,860 ตัน ลดลงจากสต็อกคงเหลือ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2562 ซึ่งมีจำนวน 476,245 ตัน หรือลดลงร้อยละ 13.30 ขณะที่ปริมาณน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ มีจำนวน 43,109 ตัน และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ มีจำนวน 21,233 ตัน ส่วนผลปาล์มทะลายที่เข้าสู่โรงงานสกัดฯ ก็มีปริมาณลดลง ทำให้การรับซื้อผลปาล์มทะลายมีการแข่งขันสูง เพื่อรองรับความต้องการใช้ในประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในส่วนของด้านพลังงานจากมาตรการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วของกระทรวงพลังงาน ตามนโยบายรัฐบาล

 

จากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มปรับสูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2562 เป็นต้นมา โดย ณ วันที่ 19 ธันวาคม 2562 ราคาผลปาล์มทะลาย (18%) ในแหล่งผลิตสำคัญ จ.สุราษฎร์ธานี กระบี่ และชุมพร อยู่ที่เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.10 – 5.90 บาท และราคาน้ำมันปาล์มดิบ ตลาดกรุงเทพฯ อยู่ที่เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 – 32.50 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของเดือนก่อนซึ่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 3.70 – 4.60 บาท และ 22.50 – 23.00 บาท ตามลำดับ ซึ่งปัจจุบัน (18 ธ.ค.62) ราคาน้ำมันปาล์มดิบมาเลเซีย อยู่ที่ กก.ละ 20.92 บาท ต่ำกว่าราคาน้ำมันปาล์มดิบของไทย กก.ละ 11.08 – 11. 58 บาท 

 

ส่วนราคาน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ณ ตลาดกรุงเทพฯ ก็ปรับตัวสูงขึ้นในทิศทางเดียวกัน จากกิโลกรัมละ 24.50 – 25.50 เป็นกิโลกรัมละ 32 – 35 บาทในช่วงเดียวกัน ทั้งนี้ สถานการณ์อุปทานผลปาล์มทะลายมีแนวโน้มออกสู่ตลาดลดลงต่อเนื่องถึงช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 ดังนั้น ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องภายใต้ กนป. จะได้มีการพิจารณาแนวทางการบรรเทาปัญหาด้านอุปทานและราคาที่เหมาะสม เพื่อมิให้กระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม ตลอดจนภาระค่าครองชีพของประชาชนผู้บริโภค

 

  “บิ๊กป้อม”โวราคาปาล์ม พุ่งแตะ6.60บาทต่อกก.

สำหรับการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี10 เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 ได้เปิดสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 เป็นครั้งแรก และให้ส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 ถูกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 ที่ 1 บาทต่อลิตร และในวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ให้ส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 ถูกกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 ที่ 2 บาทต่อลิตร จึงวันที่ 22 ธันวาคม 2562  ปัจจุบัน (1 – 22 ธ.ค.62) มีปริมาณการจำหน่าย 520,000 ลิตรต่อวัน และคาดว่าจะมีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากดำเนินมาตรการต่อไปนี้ (1) วันที่ 1 ธันวาคม 2562 ประกาศให้ บี100 ที่ใช้ผสมในน้ำมันดีเซลเหลือชนิดเดียว (2) วันที่ 1 มกราคม 2563 ให้ทุกคลังน้ำมันผลิตน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 และ (3) วันที่ 1 มีนาคม 2563 ให้มีน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 จำหน่ายทุกสถานีบริการน้ำมัน

 

พร้อมกันนี้ที่ประชุมได้มีการพิจารณาแนวทางการกำหนดด่านนำเข้าและนำผ่านสินค้าน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม เพื่อควบคุมกำกับดูแลการนำเข้าน้ำมันปาล์มในระบบปกติ การลักลอบนำเข้า รวมทั้งการถ่ายลำผ่านแดนไปประเทศเพื่อนบ้านทั้งทางบก และทางน้ำ เพื่อป้องปรามการนำสินค้าที่ผ่านแดนมาใช้หรือจำหน่ายภายในประเทศ โดยที่ประชุมเห็นชอบการกำหนดด่านนำเข้าและนำผ่านสินค้าน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม ดั้งนี้ 1) ด่านนำเข้าสินค้าน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม จำนวน 3 ด่าน ได้แก่ ด่านศุลกากรมาบตาพุด สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ และสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง 2) ด่านนำผ่านสินค้าน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม ด่านต้นทาง จำนวน 1 ด่าน คือ สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ และกำหนดด่านปลายทางสำหรับการนำผ่านน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์มไปยังแต่ละประเทศ ดังนี้ (1) กำหนดด่านศุลกากรจันทบุรี เป็นด่านปลายทางไปยังราชอาณาจักรกัมพูชา (2) กำหนดด่านศุลกากรหนองคาย เป็นด่านปลายทางไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และ (3) กำหนดด่านศุลกากรแม่สอด เป็นด่านปลายทางไปยังสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ทั้งนี้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลังดำเนินการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้บังคับต่อไป โดยให้รับข้อเสนอแนะของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศประกอบการพิจารณาเพื่อดำเนินการต่อไปด้วย