หวังการเมืองนิ่ง  ลุ้นดัชนี 63 แตะ1800จุด

โบรกเกอร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ดัชนีหุ้นไทยปี 2563 ในช่วง 1700- 1750 จุด ขณะที่ บล.ไทยพาณิชย์ฯ-บล.เคทีบีฯ ประเมินเป้าดัชนีสูงสุดอยู่ที่ 1800 จุด บนเงื่อนไขว่าสถานการณ์การเมืองในประเทศนิ่ง

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย)จก. (มหาชน) หรือ KTBST เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในปี 2563 จะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากปัจจัยที่ส่งผลคือ เศรษฐกิจโลกและไทยมีแนวโน้มดีกว่าปี 2562 การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงในบางส่วนแล้ว ขณะที่ธนาคารกลางทั่วโลกรวมถึงไทยดำเนินนโยบายดอกเบี้ยตํ่า และรัฐบาลไทยเองได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดีต้องจับตา ประเด็นการเมืองเสียงรัฐบาลปริ่มน้ำซึ่งเริ่มเห็นผลกระทบจากการประชุมสภาในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา การบริหารบ้านเมืองและเศรษฐกิจซึ่งเป็นโจทย์ท้าทายว่ารัฐจะสร้างความเชื่อมั่น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาจะได้ผลมากน้อยเพียงใด ขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.)โดยรวมที่ปรับลดลงในปี 2562 ยังเป็นผลจากการที่ธุรกิจถูกดิสรัปชัน ไม่ว่าจะเป็นธนาคารพาณิชย์ รถยนต์ กลุ่มสื่อ และส่งออก

บล.เคทีบีฯ ประมาณการกำไรบจ.ปี 2562 อยู่ที่ 906,349 ล้านบาท หรือ - 5.9% EPS ที่ 89.7 บาทต่อหุ้น ส่วนปี 2563 คาดกำไรเพิ่ม 8.2% อยู่ที่ 980,395 ล้านบาท P/Eที่ 18.2 เท่า และ EPS ที่ 94.8 บาทต่อหุ้น ส่งผลให้เป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปี 2563 แตะ 1725 จุด และหากการเมืองจบด้วยดี ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสแตะ 1800 จุด

สอดคล้องกับบล.ไทยพาณิชย์ จำกัด  นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 2563 คาดอยู่ในกรอบ 1600-1800 จุด โดยประเมินกำไรของบจ.เติบโต 11% จากปี 2562 ทั้งนี้ตลาดหุ้นไทยแม้จะยังมีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมหภาคจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน  แต่มีแนวโน้มทิศทางที่ดีขึ้นหลังจากทั้ง 2 ประเทศเตรียมลงนามข้อตกลงการค้าเฟสหนึ่งในเดือนมกราคม 2563  ส่วนเศรษฐกิจไทย คาดว่าการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลด้านการบริโภค การท่องเที่ยว รวมถึงงบประมาณปี 2563 ที่คาดว่าจะเริ่มใช้จ่ายได้ต้นปี จะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2563 ให้เติบโตได้ โดยการลงทุนของรัฐบาลและเอกชนจะเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ
 

นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่ามองตลาดหุ้นไทยปี 2563 ในเชิงบวกและมีความหวังมากขึ้น หลังจากแย่ติดต่อมา 2 ปี จากประเด็นเรื่องสงครามการค้าสหรัฐฯ -จีน มีทิศทางดีขึ้นหลังจากที่ทั้ง 2 ประเทศเตรียมลงนามในข้อตกลงเฟสแรก ช่วงกลางเดือนมกราคมนี้และจะต่อในเฟส 2 ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและการค้าโลก รวมทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมที่เคยได้รับผลจากเทรดวอร์จะกลับมาฟื้นตัว ส่วนปัจจัยในประเทศ รัฐบาลได้พยายามกระตุ้นเศรษฐกิจและน่าจะเห็นผลเร็วขึ้น หลังงบประมาณผ่าน

นอกจากนี้หากมีการอัพเกรดอันดับความน่าเชื่อถือของไทยในช่วงไตรมาส 2/2563 จะสร้างความเชื่อมั่นทุนต่างประเทศจะไหลกลับเข้าไทยในช่วงครึ่งปีหลัง จากปัจจุบันที่อันดับความน่าเชื่อถือไทย โดยฟิทช์ เรตติ้งส์ และสแตนดาร์ดและพัวร์ส (เอสแอนด์พี) อยู่ที่ BBB+ หากปรับขึ้นจะเป็น A- ส่วนมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส (มูดี้ส์) ให้อันดับ Baa1 มีโอกาสที่ไทยจะปรับขึ้นเป็น A3 หลังจากก่อนหน้านี้ ได้ปรับเอาต์ลุกประเทศไทยเป็น “บวก”

ส่วนปัจจับลบที่ยังต้องติดตามคือ 1. การเมืองในประเทศ หากผ่านโค้งไตรมาสแรกเชื่อว่าไม่น่ากังวล และ 2. เงินบาทแข็งค่าระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จะกระทบภาคส่งออกและเศรษฐกิจได้ โดยไทยกำลังเผชิญภาวะเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกิดจากการนำเข้าติดลบมากกว่าส่งออก ทำให้เศรษฐกิจอาจโตช้ากว่าคาด อย่างไรก็ดีเชื่อว่าภาครัฐและคลังจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หากเศรษฐกิจไทยโตระดับ  2.5%              

“บล.กสิกรไทยฯ มองตลาดหุ้นปี 2563 ด้านบวกมากกว่าลบ เพราะปัจจัยที่กดดันตลาดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เทรดวอร์มีการพัฒนาเชิงบวกและไม่น่าจะมีปัจจัยใหม่ ส่วนเรื่อง LTF ที่รัฐปรับเปลี่ยนเป็นกองทุนเพื่อการออม (SSF) แม้จะส่งผลให้เงินไหลเข้าน้อยลงโดยไปตราสารหนี้แทน แต่ไม่ส่งผลต่อเงินไหลออก และหากไทยได้รับการอัพเกรดเครดิตประเทศ คาดว่าจะเห็นโฟลว์ต่างประเทศไหลกลับในครึ่งปีหลัง ส่งผลให้ตลาดหุ้นน่าจะฟื้นดีขึ้น”

บล.กสิกรไทยฯ ประเมินดัชนีตลาดหุ้นปี 2563 ที่ 1725 จุด หลังปิดปีนี้บริเวณ 1570-1580 จุด กำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปีหน้าน่าจะโตประมาณ 11% โดย EPS ปี 2563 อยู่ที่หุ้นละ 103.6 -104 บาท หรือโต 11% จาก EPS ปี 2562 ที่ 93.00 บาท

บทวิเคราะห์บล.กสิกร ไทยฯ ระบุว่าจากการศึกษาผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยช่วงไตรมาสแรกของปี นับตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงินโลกในปี 2551 พบว่า SET Index ให้ผลตอบแทนเป็นบวกติดต่อกัน 10 ปี ด้วยอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 6% ทั้งนี้คาดว่า ทิศทางที่เคยเกิดขึ้นในอดีตจะเกิดขึ้นอีกครั้งในไตรมาส 1/2563 สืบเนื่องจากปัจจัยสนับสนุนจำนวนมาก

หน้า 18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,536 วันที่ 2-4 มกราคม 2563