ไทยเนื้อหอมต่างชาติหอบเงินลงทุนพุ่ง65%
พาณิชย์ ยอดจดทะเบียนบริษัทปีนี้คาดทะลุ72,000 ราย ต่างด้าวหอบเงินลงทุนพุ่ง65% ธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด ยังเป็นก่อสร้างอาคารทั่วไป รองลงมา อสังหาริมทรัพย์
นางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า การจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจำเดือนพ.ย. 2562 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ จำนวน 4,968 ราย รวมจำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่สะสมตั้งแต่เดือน ม.ค. – พ.ย. 62 มีจำนวน 68,327 ราย โดยเพิ่มขึ้นใกล้เคียงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ม.ค. – พ.ย. 61) จำนวน 68,007 ราย ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 486 ราย คิดเป็น 10% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 334 ราย คิดเป็น 7% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร จำนวน 174 ราย คิด 4 % มูลค่าทุนธุรกิจจัดตั้งใหม่ ในเดือนพ.ย. 2562 มีจำนวนทั้งสิ้น 21,395 ล้านบาท รวมมูลค่าทุน จดทะเบียนธุรกิจตั้งใหม่สะสมตั้งแต่เดือน ม.ค. – พ.ย. 62 มีจำนวน 306,013 ล้านบาท ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 3,366 ราย คิดเป็น 67.76% รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 1,487 ราย คิดเป็น 29.93% รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 99 ราย คิดเป็น 1.99% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 16 ราย คิดเป็น 0.32%
ส่วนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ เดือนพ.ย. มีจำนวน 2,393 ราย รวมจำนวนธุรกิจเลิกสะสมตั้งแต่เดือน ม.ค. – พ.ย. 62 มีจำนวน 16,463 ราย ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ม.ค. – พ.ย. 61) ซึ่งมีจำนวน 16,264 ราย ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 203 ราย คิดเป็น 8% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 148 ราย คิดเป็น 6% และธุรกิจภัตตาคาร / ร้านอาหาร จำนวน 62 ราย คิดเป็น 3% มูลค่าทุนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ในเดือนพ.ย. 2562 มีจำนวนทั้งสิ้น 7,409 ล้านบาท รวมมูลค่าทุนจดทะเบียนธุรกิจเลิกสะสมตั้งแต่เดือน ม.ค. – พ.ย. 62 มีจำนวน 90,368 ล้านบาท ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศ มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 1,651 ราย คิดเป็น 68.99% รองลงมาคือช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 628 ราย คิดเป็น 26.24% ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 104 ราย คิดเป็น 4.35% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 10 ราย คิดเป็น 0.42 %
ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนพ.ย.จำนวน748,942 ราย มูลค่าทุน 18.24 ล้านล้านบาท แบ่งตามช่วงทุน ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 442,960 ราย คิดเป็น 59.15 %รวมมูลค่าทุน 0.39 ล้านล้านบาท คิดเป็น 2.14 %รองลงมา คือ ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 219,698 ราย คิดเป็น 29.33 %รวมมูลค่าทุน 0.72 ล้านล้านบาท คิดเป็น 3.95% รองลงมา คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 70,821 ราย คิดเป็น 9.46% รวมมูลค่าทุน 1.92 ล้านล้านบาท คิดเป็น 10.52% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 15,463 ราย คิดเป็น 2.06 %รวมมูลค่าทุน 15.21 ล้านล้านบาท คิดเป็น 83.39%
สำหรับแนวโน้มการจัดตั้งธุรกิจปี 2562 เมื่อประเมินจากสถานการณ์การจดทะเบียนและสภาพเศรษฐกิจ คาดว่า สถิติการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจจะมีจำนวนใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา คือประมาณ 72,000 ราย ส่วนยอดจดเลิกก็ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงมากนักหรือมีนัยยะสำคัญแต่เป็นการจดเลิกตามรอบบัญชี หรือไม่ได้หมายความว่าธุรกิจขาดทุนหรือเจ๊ง แต่อาจจดเลิกเพราะไปทำธุรกิจอย่างอื่น
ด้านการลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว เดือนพ.ย. 2562 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น 56 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 22 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ 34 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 18,011 ล้านบาท มีนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 21 ราย เงินลงทุน 8,534 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ จำนวน 11 ราย เงินลงทุน 567 ล้านบาท และมาเลเซีย 4 ราย เงินลงทุน 126 ล้านบาท
ทั้งนี้ เดือนม.ค. – พ.ย. 2562 คนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ จำนวน 561 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 185,829 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปรากฏว่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 73,283 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 65% จากปีก่อน เนื่องจาก มีต่างชาติลงทุนประกอบธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง เช่น บริการขุดเจาะปิโตรเลียม บริการออกแบบทางวิศวกรรมและบริหารจัดการโครงการรื้อถอนแท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในทะเล บริการออกแบบติดตั้ง ตรวจสอบ ทดสอบ และบริหารจัดการโครงการประตูกั้นชานชาลาแบบครึ่งความสูง