นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่การส่งออกในเดือนพ.ย.ติดลบสูงถึง 7% ว่า อยากให้ทุกฝ่ายตั้งใจทำงาน เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอกที่เข้ามากระทบ ขณะเดียวกันอยากให้มองข้ามตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจปีหน้าว่าจะขยายตัวไม่ถึง 3% หรือว่าจะขยายตัวได้มากน้อยเพียงใด เพราะจะต้องดูถึงความยั่งยืนที่เกิดขี้นมากกว่า
“เศรษฐกิจในปีนี้หรือปีหน้าจะโตเท่าไร ต้องก้าวข้ามคำว่าเปอร์เซนต์ให้ได้ เพราะเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่งพอสมควร จะชะลอตัวลงแต่ก็ยังเป็นบวก ซึ่งจะทำให้สูงไปเพื่ออะไร 3-4% อาจจะดีไม่จริงก็ได้ ต้องดูว่าโตแล้วยั่งยืนหรือไม่ จีดีพีที่ลดลงเป็นปัญหาของทุกประเทศ เราถึงต้องมีแผนในการดูแลเศรษฐกิจในประเทศแทน”นายสมคิด กล่าว
ด้านนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การส่งออกที่ติดลบสูงนั้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รัฐบาลต้องมีแพคเกจในการดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและประชาชนในประเทศ เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจในภาวะที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า มาตรการที่ออกมาในปีนี้จะมีผลต่อเศรษฐกิจไทยในปีหน้าให้ขยายตัวได้ดีขึ้น ขณะที่การส่งออกนั้น มั่นใจจะกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้อีกครั้งแน่นอน