นายกฯแนะจัดงบต้องให้ตรงตามความต้องการของประชาชน

23 ธ.ค. 2562 | 08:05 น.


นายกฯ มอบนโยบายการจัดทำงบประมาณ ปี 64 รองรับความท้าทายโลก ลั่น “นายกฯ-ขรก.”ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมถ้าจัดงบไร้ผลสัมฤทธิ์-ไม่ตรงความต้องการประชาชน ขรก.ต้องทำงานอย่างมีเป้าหมาย 
 
วันนี้ (23 ม.ค.62) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดและมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ เข้าร่วม  ที่ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม อิมแพ็ค เมืองทองธานี 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า การจัดทำงบประมาณ ปี 64 ต้องควบคู่กับการพิจารณาพ.ร.บ.งบฯ ปี 63 ที่ยังไม่เรียบร้อย แต่ได้ใช้งบฯ ปี 63 ส่วนหนึ่งไปพลางก่อนตามกฎหมายที่ใช้ได้ โดยส่วนใหญ่ยังต้องรอหลังวันที่ 8 ม.ค.ไปแล้ว คาดว่าต้นเดือน ก.พ.การพิจารณาแล้วเสร็จหรือเร็วกว่านั้น การจัดทำงบฯ ปี 64 ต้องมีการเสนอคำขอรับการจัดสรรงบฯ ปี 64 ต้องส่งมายังสำนักงบประมาณ ภายในวันที่ 24 ม.ค.63 ซึ่งใกล้แล้ว ทั้งนี้ คำขอทำงบฯ ที่ไม่สอดคล้องกับแผนจะไม่ได้รับการพิจารณาสนับสนุน หรือถือว่ามีความสำคัญระดับต่ำ

“สิ่งที่ต้องทบทวนกันวันนี้จากเราทำงานร่วมกันมาหลายปี คือเรากำลังเผชิญสิ่งท้ายทายของโลก ทั้งสภาพเศรษฐกิจ สงครามการค้า ความตึงเครียดทางการเมือง ทั้งในและต่างประเทศ สภาพเศรษฐกิจฝืนเคือง กระทบไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น ต้องกำหนดนโยบายรองรับความท้าทายและป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการใช้จ่ายงบฯ และการลงทุน” 
การลงทุนของภาครัฐเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ระยะสั้นรัฐบาลดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มในเรื่องความต้องการและการลงทุนในประเทศ และเชื่อว่าไตรมาส 3 จะดีขึ้น ส่งต่อไปไตรมาส 4 และจะส่งต่อไปไตรมาส 1 ปีหน้าด้วย 

                                     นายกฯแนะจัดงบต้องให้ตรงตามความต้องการของประชาชน

เรื่องสถานการณ์การคลังต้องแยกให้ออกและสร้างความเข้าใจให้ได้ ว่าอะไรคือสถานการณ์ของประเทศ ของรัฐบาล ไม่ใช่ไปพูดสถานการณ์การคลังดี แต่ผู้มีรายได้น้อยแย่ ถ้าพูดแบบนี้อธิบายเขาไม่ได้ ต้องอธิบายเกี่ยวพันกันอย่างไร ปัจจัยสำคัญมีภาคการคลังที่แข็งแกร่ง ดำเนินโยบายการเงินการคลังที่เหมาะสม มียุทธศาสตร์ระยะยาว ประกอบกับวันนี้มีรัฐบาลที่มาจาการเลือกตั้ง น่าจะตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้ ตลอดจนทำให้มีเสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งส่งผลดีต่อการปฏิรูป เศรษฐกิจ การบริหารประเทศ

เมื่อประเทศเจริญ ท้องถิ่น กลุ่มจังหวัดเจริญ ประชาชนจะได้ตรงนี้ไปด้วย ทั้งนี้ ตนยังเป็นกังวลต่อการลงทุนในประเทศ อยากให้มีการลงทุนโดยคนไทยด้วยกันมากขึ้น ในส่วนของต่างประเทศก็เป็นเรื่องของการเข้ามาตามสิทธิประโยชน์การลงทุน ถ้าเราไปบอกไม่ให้ใครเข้ามาและไม่มีการลงทุนในประเทศ จะเกิดอะไรขึ้น เหรียญมี 2 ด้านเสมอ ต้องทำทั้ง 2 ทาง แต่ต้องโปร่งใสและรัดกุม 
“เมื่อเช้าผมได้รับเรื่องร้องมาขอให้รัฐบาลระวังเรื่องคนต่างประเทศ เข้ามาทำงานในเมืองไทย ด้วยการลงทุน มาเป็นเจ้าของต่างๆ เอาคนเข้ามาทำงานจากต่างประเทศ ซึ่งนโยบายรัฐบาลไม่ให้ทำอยู่แล้วในเรื่องเหล่านี้ ไม่ว่าจะรถไฟความเร็วสูงก็ใช้แรงงานไทย ฉะนั้น สิ่งเหล่านี้ต้องติดตาม บางคนพูดออกมาโดยไม่รู้ ฟังมาส่งต่อโดยไม่เข้าใจ ถ้าใครที่คิดว่าไม่เข้าใจในเรื่องเหล่านี้ กรุณาอย่าโพสต์ อย่าให้ข่าวต่อ เพราะเป็นปัญหาความขัดแย้งที่ตามมา และการทำงานก็ทำไม่ได้”

 

นายกฯ กล่าวว่า ปัญหาจะมีงบฯ เท่าไหร่ก็ทำไม่ได้ เพราะไม่เข้าใจ นั้นคือสิ่งที่ราชการต้องช่วยกันอธิบายด้วย และเมื่อมีงบฯ ปี 63 ขอให้เร่งดำเนินการโครงการต่างๆ โดยตรวจสอบและต้องมีหลักฐาน ดังนั้น ต้องใช้งบให้ถูกต้องตามกฎหมาย คำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นสำคัญ 


“งบฯ ที่ขาดดุลนี้เป็นธรรมดาของประเทศที่ยังมีรายได้ไม่มากนัก ซึ่งเราอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาประเทศ ซึ่งทุกประเทศต้องใช้การขาดดุล เพราะมีงบฯ ที่ต้องลงทุนอีกจำนวนมาก เพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชน ต้องทำให้ประชาชนเข้าใจ แม้กระทั่งฝ่ายการเมืองก็ไม่เข้าใจอีก หรือเข้าใจทำเป็นไม่เข้าใจไม่รู้ นี้เป็นสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องมาทะเลาะกัน มาตีกัน ในเรื่องเหล่านี้”

                               นายกฯแนะจัดงบต้องให้ตรงตามความต้องการของประชาชน

 

 

เพราะฉะนั้น การที่จ่ายงบฯขาดดุลเราต้องมีศักยภาพหาเงินมาชดเชย ซึ่งเรามีศักยภาพและแผนงานอยู่ และการจะทำให้รายได้ของประเทศสูงขึ้นจะต้องดูว่าจะแก้ปัญหาด้วยอะไร ถ้าบอกว่าเป็นเพราะรัฐบาลอย่างเดียวคงไม่ถูก แต่เป็นเพราะหลายๆ ส่วนด้วยกัน ทั้งภายในและภายนอก ซึ่งไม่ต้องกลัวรัฐบาลรับผิดชอบอยู่แล้ว แก้ได้มากได้น้อยอยู่ที่ประชาชน ข้าราขการ จะช่วยกันอย่างไร โครงการถ้าไม่ซอยลงมาทำไม่ได้ทั้งสิ้น ถึงต้องมีหลักเกณฑ์การใช้เงินกู้อะไรต่างๆ ถ้าไม่ทำแบบนี้จัดสรรอะไรไม่ได้ ต้องเห็นใจคนจัดทำงบฯด้วย 


"การทำงานอย่าแบ่งงานหลักว่าหน่วยงานใครของใคร งานยุทธาสตร์คืองานที่ต้องเสริมงานส่วนอื่นไปด้วย หลายกระทรวงที่เกี่ยวข้องจะต้องมีหน่วยงานรับผิดชอบหลักและหน่วยเสริม ประชุมร่วมกันให้ได้ข้อสรุป จะทำในพื้นที่ใด สอดค้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่หรือไม่ เป้าหมายเท่าไร ต้องมีการะเมินไว้ล่วงหน้า เรียกว่าเอาเป้าหมายมาจับ ถ้าไม่มีเป้าหมายก็เดินแบบสะเปะสะปะ จะทำงบฯ โครงการอย่างเดียวเพื่อให้ใช้จ่ายเงินให้หมดลงไป แล้วผลสัมฤทธิ์ก็ไม่ได้ แล้วผมถามเราจะอยู่ไปทำไม

แม้กระทั่งผมเองก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมเหมือนกัน ถ้าอยู่แล้วทำอะไรไม่ได้ แก้ไขอะไรไม่ได้ ข้าราชการก็เช่นกันต้องสำนึกร่วมกันคิด ทุกวันทำงานต้องมีเป้าหมาย เพราะฉะนั้นการจัดทำแผนงบฯ ต้องสะท้อนความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และสอดคล้องการพัฒนาตามนโยบายของรัฐบาล"