‘บุรินทร์’เปิดโชว์รูม‘มิตซูบิชิ เมโทรไลฟ์’ขายรถอย่างเดียว

หลังจากทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาทในการเปิดมิตซูเมโทรสาขาแรกบนถนนหทัยราษฎร์ และดำเนินงานมากว่า 5 ปี มีฐานลูกค้า 6,000 ราย ล่าสุดมิตซูเมโทร ได้เห็นโอกาสการเติบโตจึงได้ขยายธุรกิจเข้ามายังพื้นที่ใจกลางเมืองและเปิดโชว์รูมแห่งที่ 2 บนถนนศรีอยุธยา ณ อาคาร มหานครยิบซั่ม

“เราเปิดมิตซูเมโทร บนถนนหทัยราษฎร์ ซึ่งเป็นศูนย์บริการมิตซูบิชิต้นแบบ ในด้านความครบครันของโชว์รูม รถใหม่และรถมือสอง, ส่วนบำรุงรักษาที่พร้อมด้วยจำนวนช่องบริการและห้องพ่นสีที่มากที่สุดแห่งหนึ่งและถือเป็นโชว์รูมที่ใหญ่สุดในเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากลูกค้าดีมาก ประกอบกับเราเองมีพื้นที่ในเมือง และได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่เป็นอย่างดี จึงตัดสินใจที่จะเปิดสาขาใหม่ ที่รองรับคนเมือง มีความแปลกแหวกแนว” นายบุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท มิตซูเมโทร จำกัด กล่าวและว่า

บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์

เพื่อรองรับการเติบโตและตอบโจทย์ลูกค้าใจกลางเมือง บริษัทจึงได้ลงทุนประมาณ 20 ล้านบาทในการพัฒนาพื้นที่อาคารมหานครยิบซั่ม เพื่อให้เป็นโชว์รูม 1S ของมิตซูบิชิ ภายใต้ชื่อ “เมโทรไลฟ์” สำหรับโชว์รูมแห่งนี้มีพื้นที่ 434 ตร.ม. แบ่งพื้นที่ออกเป็นชั้น G ส่วนต้อนรับและจัดแสดงรถต้นแบบหรือรุ่นแต่งพิเศษ อาทิ มิตซูบิชิ โมเดล เอ รุ่นจำลอง (มิตซูบิชิ โมเดล เอ เป็นยนตรกรรมมิตซูบิชิรุ่นแรกที่ผลิตขึ้นครั้งแรกในปี 2460) พร้อมด้วยร้านกาแฟ

ส่วนชั้น 1 เป็นพื้นที่โคเวิร์กกิ้ง สเปซ ให้บริการในบรรยากาศและดีไซน์ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจสามารถจัดเป็นพื้นที่ไลฟ์สไตล์ ซึ่งในช่วงเปิดตัวได้มีการเนรมิตชั้น 1 เพื่อแสดงนิทรรศการ Present from the Past นำเสนองานศิลปะด้วยเทคนิคใหม่ที่ผสานภาพวาดเข้ากับเทคโนโลยี AR(Augmented Reality)โดย ศิลปิน พิชญาโอ ขณะที่พื้นที่ของชั้น 2 จะเป็นโชว์รูมขายและจัดแสดงรถรุ่นต่างๆที่จำหน่ายในปัจจุบัน

“เราพัฒนาเมโทรไลฟ์ขึ้นโดยยึดตามความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และเป็นไปตามแนวทางที่สอดคล้องกับ ‘Drive your Ambition’ กลยุทธ์ระดับโลกของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส โดยเราได้แปลงกลยุทธ์ดังกล่าวและสร้างสรรค์ออกมาเป็นประสบการณ์ที่จับต้องได้ให้แก่ลูกค้าในพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งจะครอบคลุมลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่และกลุ่มครอบครัวที่มีไลฟ์สไตล์รักกิจกรรมนอกบ้านและสนใจสื่อสังคมออนไลน์”

นายบุรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สาขาใหม่จะมียอดขายต่อเดือนประมาณ 20 - 30 คัน หรือประมาณ ปีละ 240 คันต่อปี ขณะที่เป้าหมายรวมของทั้ง 2 แห่งคาดว่าจะมียอดขาย 1,200 คัน โดยแบ่งสัดส่วนออกเป็นขายฟลีต 35% และขายทั่วไป 65% ส่วนเป้าหมายในปี 2563 คาดว่าจะเติบโต 10%

“ตามแผนงานที่เราได้วางไว้ในปีหน้า เฉพาะตรงสาขาใหม่จะมีกิจกรรม มีอะไรที่แปลกใหม่ ไม่มีใครทำมาก่อน ทั้งนี้เพื่อมอบความสุข มอบรอยยิ้มให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการกับเรา ซึ่งรูปแบบที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะเป็นเรื่องของ ศิลปะและดนตรี, ฟู้ดแอนด์ไวน์เทสติ้ง, ของสะสมและแกดเจตท่องเที่ยว, กีฬาและสุขภาพ รวมไปถึงเรื่องการศึกษา องค์ความรู้ด้านต่างๆ เวิร์กช็อป” บุรินทร์กล่าว

หน้า 28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,533 วันที่ 22-25 ธันวาคม 2562