นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตฯได้จัดทำของขวัญปีใหม่ เพื่อมอบเป็นขวัญแก่ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ตามนโยบายของรัฐบาล ด้วยการจัดโครงการ Outlet ของขวัญเพื่อประชาชน มหกรรมสินค้าราคาโรงงาน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้กระทรวงอุตฯร่วมมือกับภาคเอกชนซึ่งเป็นผู้ผลิตโดยตรงนำสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นพร้อมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ของขวัญปีใหม่ มาจำหน่ายในราคาหน้าโรงงาน เพื่อบรรเทาค่าครองชีพของประชาชน และรองรับความต้องการซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมถึงสินค้าผลิตจากโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วประเทศกว่า 1,000 รายการ มาลดราคากว่า 20-70%
“กระทรวงอุตฯประสานผู้ผลิตทั่วประเทศนำสินค้าจากโรงงานโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ราคาลดกว่า 20 -70 % ทั้งสินค้าอุปโภค บริโภคราคาโรงงานจากนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ กว่า1,000 ราย 350 ร้านค้า โดยแบ่งเป็น 7 โซน ได้แก่ โซนเครื่องใช้ไฟฟ้า จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า มอเตอร์ไซค์ สุขภัณฑ์ และสินค้าราคาพิเศษได้มาตรฐาน มอก. ,โซนสินค้าดีเด่นจาก 76 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งสะท้อนอัตลักษณ์ 76 จังหวัด คัดสรรโดย สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ดีราคาถูกจากผู้ผลิตโดยตรง ทั้งข้าวสาร ไข่ไก่ อาหารแปรรูป อาหารแช่แข็ง ผ้าไหมนครชัยบุรี เครื่องแต่งกาย
,โซนสินค้าอุปโภคบริโภคจากโรงงาน ทั้งสินค้าจาก เครือซีพีแรม โอสถสภา ทิปโก้ ไทยวาโก้ ฯลฯ ,โซนสินค้าจากนิคมอุตสาหกรรม ทั้งยางรถยนต์ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ฯลฯ ,โซนสินค้า SME/OTOP คัดสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน ที่จัดว่าเป็นสินค้าไทยเด่นมาจำหน่าย และยังมีรถขายอาหารแบบเคลื่อนที่หรือฟู้ดทรัคจากร้านที่มีชื่อเสียงมาร่วมจำหน่ายในงาน ,โซนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าและอีโคคาร์ (ECO Car) จาก 8 ค่ายรถยนต์ ทั้งบีเอ็มดับบลิว ซูซูกิ เอ็มจี นิสสัน มิตซูบิชิ มาสด้า ฮอนด้า และโตโยต้า จัดโปรปังแห่งปี ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจดีลพิเศษ
,โซนสินค้าจากเครือสหพัฒน์ ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น อาทิ ผงซักฟอก ชุดชั้นใน เครื่องสำอาง ผ้าขนหนู ฯลฯ และนอกจากนี้ยังมีน้ำตาลทรายกว่า 25 ตัน มาจำหน่ายให้ประชาชนในราคาราคาพิเศษกิโลกรัมละ19 บาท และในช่วงนาทีทองในราคาเพียง 10 บาทเท่านั้น โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานประมาณวันละ 1 หมื่นคน และมียอดจำหน่ายมากกว่า 20 ล้านบาทตลอดงาน
“ไฮไลท์สำคัญของงานได้แก่ โปรโมชั่นจำหน่ายรถยนต์ในราคาพิเศษ บางยี่ห้อลดสูงสุดถึง 2 แสนบาท เครื่องใช้ไฟฟ้าลดกว่า 40-50% โดยงานจะจัดระหว่างวันที่ 24-26 ธ.ค. 62 ”
นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้กระทรวงอุตฯจัดของขวัญปีใหม่เพื่อมอบให้ประชาชนและผู้ประกอบการ เพื่ออำนวยความสะดวกและลดภาระต้นทุนเนื่องในโอกาสปีใหม่ 2563 ทั้งการนำระบบการยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ใบร.ง.4 ) แบบดิจิทัลมาใช้ บริการออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ฟรี ระบบป้ายแสดงข้อมูลรถจักรยานยนต์ตามมาตรฐานสากล (Eco Sticker) การควบคุมสินค้าออนไลน์ การเปิดชำระค่าธรรมเนียมผ่านระบบการชำระเงินกลางภาครัฐที่สามารถพิมพ์ใบแจ้งหนี้ (Bill Payment) และใบเสร็จรับเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ และการพัฒนาระบบการชำระเงินค่าบริการผ่านช่องทางออนไลน์
การจัดทำระบบยื่นคำขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง. 4) แบบดิจิทัล โดยเชื่อมโยงข้อมูลเอกสารราชการ ผ่านเว็บไซต์ http://dsapp.diw.go.th/ ซึ่งผู้ประกอบกิจการโรงงานสามารถยื่นคำขอออนไลน์ โดยไม่ต้องเดินทางมายังหน่วยงาน ทำให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานได้รับความสะดวก รวดเร็ว ลดระยะเวลาและประหยัดค่าใช้จ่ายในยื่นคำขอประกอบกิจการ ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้พิจารณารับคำขอสามารถดำเนินการพิจารณาได้ตลอดเวลา เพื่อเพิ่มมีความสะดวกในการสืบค้นและเรียกดูเอกสาร พร้อมทั้งลดจำนวนเอกสารที่ต้องจัดเก็บ และสามารถเชื่อมโยงข้อมูลเอกสารประกอบคำขอที่หน่วยงานรัฐเป็นผู้ออกของเอกสารทั้งหมดที่ผู้ประกอบกิจการโรงงานต้องใช้ยื่นคำขอประกอบกิจการโรงงาน ซึ่งระบบนี้จะเปิดให้ใช้งานนำร่องในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ก่อนในเดือนมกราคม 2563 และจะขยายการใช้งานไปยังจังหวัดอื่นๆ ต่อไป
บริการออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ฟรี โดยให้คำปรึกษาแนะนำ ด้านการออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ พร้อมทั้งจัดทำต้นแบบรวมถึงออกแบบโลโก้ ฉลาก ตราสินค้า จากผู้เชี่ยวชาญ โดยส่งเสริมให้ผู้รับบริการได้นำความคิดสร้างสรรค์ (Creative) นวัตกรรม (Innovation) และเทคโนโลยี (Technology) มาใช้ในการออกแบบให้สามารถผลิต ผ่าน ศูนย์ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ THAI-IDC ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล้วยน้ำไท ซึ่งผู้ประกอบการหรือผู้สนใจเริ่มต้นธุรกิจที่มีศักยภาพ (Startup) ด้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ สามารถสมัครเข้ารับบริการได้ที่ THAI-IDC ซึ่งจะทำให้ประหยัดต้นทุนได้กว่า 3,000 บาทต่อราย ซึ่งผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ที่ผ่านการพัฒนามีมูลค่าเพิ่มขึ้น สามารถต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเปิดให้บริการแก่ผู้ประกอบการ 300 ราย ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มกราคม 2563
ระบบป้ายแสดงข้อมูลรถจักรยานยนต์ตามมาตรฐานสากล (Eco Sticker) ซึ่งให้ผู้บริโภคได้รับทราบข้อมูลที่เป็นจริงของรถจักรยานยนต์แต่ละคัน และสามารถเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจเลือกซื้อได้ อีกทั้งยังเป็นการให้ความสำคัญ กับการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและปัญหาฝุ่น PM2.5 ยกระดับความปลอดภัยของการใช้รถจักรยานยนต์บนท้องถนน พร้อมทั้งช่วยอำนวยความสะดวกในการยื่นเอกสารเพื่อประกอบการชำระภาษีสรรพสามิตที่สามารถตรวจสอบและรับรองได้ทางออนไลน์ (24 ชั่วโมง) โดยข้อมูลในป้ายจะบ่งบอกคุณลักษณะที่สำคัญ ได้แก่ สมรรถนะของรถจักรยานยนต์ ข้อมูลพื้นฐานของรถจักรยานยนต์ ข้อมูลผู้ผลิต/ผู้นำเข้า ราคา ขายปลีกแนะนำ และอัตราภาษีสรรพสามิตเพื่อรองรับการเก็บภาษีสรรพสามิตแบบใหม่ ผู้ผลิตและผู้นำเข้ารถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ทุกคันที่จำหน่ายในประเทศต้องติด Eco Sticker ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป
การควบคุมสินค้าออนไลน์ เพื่อควบคุมให้ผู้ประกอบการออนไลน์ จำหน่ายสินค้าที่ได้มาตรฐาน และผู้บริโภคสินค้าออนไลน์ได้รับสินค้าที่มีความคุ้มค่าและปลอดภัย เน้นในกลุ่มสินค้ามาตรฐานบังคับ 115 รายการ โดยทาง สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) จะมีทีมเจ้าหน้าที่ทำการสุ่มตรวจในเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ที่มียอดผู้ใช้สูงสุด ว่าสินค้าที่ขายในเว็บไซต์ได้รับเครื่องหมายและฉลาก(รายละเอียดสินค้า) และเครื่องหมาย มอก. ที่ถูกต้องและเป็นไปตามมาตรฐาน ที่กำหนดหรือไม่ ซึ่งหากตรวจพบว่าเว็บไซต์จำหน่ายสินค้าที่ไม่มีเครื่องหมายหรือเครื่องหมายไม่ถูกต้อง สมอ. จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการออนไลน์ต้องจำหน่ายสินค้าที่ได้มาตรฐาน ผู้บริโภคได้รับสินค้าที่มีความคุ้มค่าและปลอดภัย
เปิดชำระค่าธรรมเนียมผ่านระบบการชำระเงินกลางภาครัฐ (National E-payment) ซึ่งสามารถพิมพ์ใบแจ้งหนี้ (Bill Payment) และใบเสร็จรับเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วยตัวเอง จำนวน 2 กระบวนงานได้แก่ 1.การชำระค่าธรรมเนียมรายปีโรงงานสำหรับผู้ประกอบกิจการโรงงาน จำพวก 3 ที่ตั้งในเขตพื้นที่ กทม. จำนวน 6,800 ราย และ 2. การชำระค่าธรรมเนียมการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายและใบอนุญาตวัตถุอันตราย กว่า 3,000 ราย โดยดำเนินการผ่านทาง http://reg2.diw.go.th/epayment/menu.asp
พัฒนาระบบการชำระเงินค่าบริการอนุญาต (e-Collecting) เพื่อเพิ่มช่องทางการชำระเงินออนไลน์ให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งแต่เดิมต้องชำระด้วยตนเองผ่านทางเคาน์เตอร์สำนักงานใหญ่ กนอ. หรือ สำนักงานการนิคมฯ ก่อนนำใบเสร็จมาแสดงเพื่อรับใบอนุญาต แต่ระบบ e-Collecting จะเพิ่มช่องทางการชำระเงินให้กับผู้ประกอบการ โดยสามารถชำระค่าบริการอนุญาต ค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภค ค่าบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวก ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส (7-11) และผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร โดยระบบ e-Collecting จะเชื่อมโยงข้อมูลอัตโนมัติเข้ากับระบบอนุมัติอนุญาตทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อออกใบอนุญาตต่อไป