354ส.ส.หนุนตั้งกมธ. สอบสร้างสภาใหม่ล่าช้า

20 ธ.ค. 2562 | 08:04 น.

 

354 ส.ส.หนุนตั้งกมธ.สอบสร้างรัฐสภาใหม่ล่าช้า ห่วงเสียค่าโง่ คาดต้องขยายสัญญาให้ “ซิโน-ไทย”รอบที่ 5 เหตุติดงานนอกสัญญา-ระบบไอซีที-งานวางท่อร้อยสายที่หาผู้รับจ้างไม่ได้ “ส.ส.อนาคตใหม่”พบพิรุธปมต่อสัญญาครั้งที่ 2 อ้างปัญหาดิน-ส่งมอบ ทั้งที่พื้นที่ “ร.ร.โยธินฯ” ไม่เกี่ยวพื้นที่ก่อสร้างหลัก

วันนี้ (20 ธ.ค.) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นัดพิเศษ ที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธาน ได้พิจาณาญัตติทั่วไป กลุ่มว่าด้วย ขอให้สภาฯ ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ตรวจสอบโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ 

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้เสนอญัตติเรื่องแรก อภิปรายว่า สภาฯ ต้องตรวจสอบบ้านของตนเอง เพราะถูกสังคมตั้งคำถามว่าการก่อสร้างรัฐสภาใหม่ ที่สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ว่าจ้างบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่ จำกัด วงเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท สัญญาหลัก 900 วัน ที่ต้องแล้วเสร็จ 24 พฤศจิกายน 2558 นั้น มีเหตุผลที่ทำการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จและต้องต่อสัญญาไปอีก 4 ครั้ง ทำให้รวมเวลาก่อสร้างอาคารทั้งหมดกว่า 2,000 วัน 

ทั้งนี้มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุผลที่ขยายสัญญาก่อสร้างให้ผู้รับจ้างนั้นเพราะการแก้ไขแบบ ทั้งที่เทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถแก้ไขแบบได้โดยใช้เวลาไม่นาน เป็นเพราะมีเจตนาทำให้แบบมีปัญหาหรือไม่ เพื่อเป็นข้ออ้างให้ผู้ว่าจ้างขยายสัญญาผู้รับจ้างโดยไม่ผิดกฎหมาย

ขณะที่ นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายในฐานะผู้เสนอญัตติเรื่องที่ 2 ซึ่งมีเนื้อหาคล้ายกัน ว่า ความพยายามขยายสัญญาก่อสร้างรอบที่ 4 ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2562 - 31 ธ้นวาคม 2563 พบปัญหาสำคัญ คือ ผู้ปฏิบัติงานในรัฐสภา ไม่ทราบและไม่แจ้งเหตุผลว่างานสร้างไม่แล้วเสร็จเพราะอะไร แต่นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาฯ ระบุว่าเป็นความผิดของทางราชการ ทำให้ต้องขยายเวลาให้เอกชน ขณะเดียวกันพบข้อร้องเรียนจากอดีต ส.ส. ตนจึงสงสัยว่าเป็นเพราะผู้ว่าจ้างหรือผู้รบจ้าง 

อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าของการก่อสร้าง ล่าสุด อยู่ที่ 70% ทั้งที่ตามแผนงานต้องแล้วเสร็จ 95%  ขณะที่งานอีก 30% ที่ค้างอยู่พบมีงานอีกหลายอย่าง เช่น ระบบปรับอากาศ, งานระบบสารสนเทศ, สถานีไฟฟ้า, สัญญาณไฟลานจอดเฮลิคอปเตอร์  ซึ่งเป็นงานจุกจิกที่อาจทำให้งานก่อสร้างหลักเดินหน้าไม่ได้  ดังนั้นต้องตรวจสอบ

 

จากนั้น เป็นการอภิปรายของ ส.ส. โดยส่วนใหญ่สนับสนุนให้ตั้งกมธ.วิสามัญเพื่อตรวจสอบ โดย นายฐิตินันท์ แสงนาค ส.ส.ขอนแก่น พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายในฐานะกมธ.กิจการสภาผู้แทนราษฎร ที่ได้เรียกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ควบคุมงาน บริษัทที่ปรึกษาเข้าให้รายละเอียด พบว่า ไม่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงประเด็นปัญหาเรื่องดินในพื้นที่และสถานที่นำดินไปทิ้ง รวมถึงการขายดิน มูลค่าของดิน 


นอกจากนั้นจากการตรวจสอบล่าสุด เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ที่ผ่านมา พร้อมกับสถาปนิก และวิศวกรในพื้นที่ห้องประชุม และห้องกมธ. ทราบว่างานก่อสร้างจะแล้วเสร็จต้นเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนการต่อสัญญาครั้งที่ 4 ที่สัญญาจะสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2563 นั้น เชื่อว่าอาจมีการต่อสัญญารอบที่ 5 เพราะมีสัญญาด้านระบบสาธารณูปโภค ที่จะสิ้นสุดสัญญาวันที่ 5 มีนาคม 2563 
ทั้งนี้เชื่อว่าประเด็นที่เกิดขึ้น สภาฯ เสียประโยชน์ เพราะต้องเช่าพื้นที่ภายนอก เพิ่มค่าเดินทางให้กับเจ้าหน้าที่ ส่วนบุคคลที่ได้ประโยชน์ คือ ผู้รับจ้าง ทั้งนี้การตรวจสอบภายใต้อำนาจของกมธ.กิจการสภาฯ ไม่สามารถเอาอยู่ ดังนั้นต้องให้ทั้งสภาฯช่วยตรวจสอบ


ขณะที่ นายไกรก้อง ไวทยาการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายว่า ปัญหาที่ทำให้สภาฯ ต้องต่อสัญญางานก่อสร้างออกไป ถึง ครั้งที่ 4 จากการติดตามงานที่ผ่านมา พบการขยายสัญญารอบที่ 1 วันที่ 25 พฤศจิกายน 2558- 11 ธันวาคม 2559 รวมเวลา 387 วัน งานคืบหน้า 30%,  รอบที่ 2 วันที่ 16 ธันวาคม 2559-9 กุมภาพันธ์ 2561 รวมเวลา 421 วัน งานคืบหน้า 45%, รอบที่ 3 วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2561-15 ธันวาคม 2562 งานคืบหน้า 75% ทั้งนี้ระยะที่ต่อสัญญาครั้งที่ 2  ความคืบหน้างานเพิ่มเพียง 15%

ปัญหาสำคัญคือการส่งมอบพื้นที่และการขนย้ายดิน แต่การตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า พื้นที่ก่อสร้างอาคารหลัก ส่งมอบแล้วเสร็จ 11 พฤศจิกายน แต่มีปัญหาที่ไม่สามารถส่งมอบได้ทันเวลาและล่าช้าที่สุด เพียงพื้นที่ 1 งาน ส่วนของโรงเรียนโยธินบูรณะ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวกับงานก่อสร้างหลัก ขณะที่การขนย้ายดินแล้วเสร็จ วันที่ 21 มกราคม 2559 ซึ่งช่วงที่มีปัญหานั้นอยู่ภายใต้การกำกับของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ดังนั้น ต้องตรวจสอบการกำกับและความจริงใจในยุคดังกล่าว

 

นายไกรก้อง อภิปรายด้วยว่า การขยายสัญญารอบที่ 4 ช่วง วันที่ 16 ธันวาคม 2562-31 ธันวาคม 2563 นั้น มีเหตุสำคัญ คือ งานนอกระบบสัญญา จากการตรวจสอบพบงานระบบสารสนเทศ หรือ ไอซีที ที่มีมูลค่า 3,000 ล้านบาท ที่มีรายละเอียดงาาน 10 ระบบ อาทิ ศูนย์รับส่งสัญญาณดาวเทียม, ไอทีทีวี, ศูนย์คอมพิวเตอร์หลัก, ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์, ระบบห้องเครื่องเสียง, ภาพ, ระบบการลงคะแนนในประชุมวุฒิสภา, ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร , การพัฒนาระบบแอพพลิเคชั่นการประชุม เป็นต้น ล่าสุดมีความคืบหน้าเพียง 40% ทั้งที่ตามแผนต้องแล้วเสร็จ 80%  นอกจากนั้นในงานระบบเน็ตเวิร์ค ที่มีรายการสำคัญคือท่อร้อยสาย ล่าสุดพบว่าสภาฯ ยังไม่สามารถหาผู้รับจ้างเดินท่อร้อยสายได้ ซึ่งเชื่อว่าเหตุและปัจจัยดังกล่าวจะทำให้เกิดการต่อสัญญาครั้งที่ 5 ได้


ส่วน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปราย ว่า ขอให้กมธ.ศึกษาเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้สภาเสียค่าโง่ เพราะมั่นใจว่าการก่อสร้างที่ขยายสัญญารอบที่ 4 จะไม่แล้วเสร็จ และต้องต่อสัญญาครั้งที่ 5 ปัจจัยสำคัญ คือ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)  ดังนั้นสิ่งที่กมธ.ต้องพิจารณา เพื่ออุดช่องโหว่ที่นำไปสู่การเสียค่าโง่ คล้ายกับคดีคลองด่าน ที่ปี 2549 ไม่มีประเด็นที่จะทำให้เสียค่าโง่ แต่หลังจากนั้นพบการขยายสัญญาและต่อสัญญา พบเงินทอนหมื่นล้านบาท ซึ่งตนไม่อยากให้สภาฯ ต้องเสียค่าโง่

ทั้งนี้ปัญหาที่อาจทำให้ต้องต่อสัญญารอบต่อไป คือ การขออนุญาตเข้าใช้พื้นที่ก่อนรับมอบงาน ทำให้มีงานที่ต้องซ่อมแซมและอาจถูกเรียกค่าเสียหาย ที่สภาฯ ต้องเตรียมงบประมาณเพื่อจ่าย ในปี 2563-2564 


ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังได้แสดงความเห็น เห็นด้วยที่มีสมาชิกอภิปราย ชี้ให้เห็นปัญหาวัสดุก่อสร้างหลายจุดที่ไม่เหมาะสมโดยเฉพาะห้องน้ำ ที่ออกแบบพื้นห้องน้ำ ที่มีความสปรกง่าย ทำให้ แม่บ้านต้องคอยทำความสะอาดตลอดเวลา ส่วนห้องน้ำที่ไม่มีสายฉีดชำระก็ได้ดำเนินการติดตั้งให้เรียบร้อยแล้ว พร้อมเปิดเผยว่าได้สั่งการให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้เตรียมแผนการใช้งานอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ เมื่อเสร็จสิ้นแล้วในอนาคตเพื่อความเป็นระบบระเบียบในการใช้งาน

จากนั้น ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์เห็นชอบตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ด้วยคะแนนเสียง 354 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง พร้อมตั้งกรรมาธิการ จำนวน 49 คน กำหนดระยะเวลาการดำเนินงานภายใน 60 วัน