‘บิ๊กตู่’ ลั่นเรือเหล็กไม่รั่ว ขออย่าเอาเท้ารานํ้า

22 ธ.ค. 2562 | 05:00 น.

 

ในงาน Nation Dinner Talk : “ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย 2020  รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อขับเคลื่อนประเทศไทย 2020” ระบุตอนหนึ่งว่า

วันนี้รัฐบาลทำปัจจุบันเพื่ออนาคต จึงมีการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งกรอบการทำงานของรัฐบาล เป็นกรอบ กว้างๆ 6 ด้าน มีเป้าหมายระยะยาวนำไปสู่การกำหนดนโยบายการทำงาน เพื่อมุ่งสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ถ้าไม่มีจะสะเปะสะปะไปเรื่อย ต่างคนต่างทำ

หลายอย่างในวันนี้อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านซึ่งไม่ใช่ง่าย ไม่ใช่คิดหรือประชุมวันเดียวแล้วทำได้ แก้กันมาหลายรัฐบาล แต่ไม่เคยมียุทธศาสตร์ชาตินำสู่เป้าหมายได้เลย เราต้องนึกถึงลูกหลานจะอยู่กันอย่างไรต่อไป คงไม่มีใครไม่รักประเทศชาติ แต่ต้องรักให้ถูกรู้ว่าอะไรคือ รักชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์ เรามีอัตลักษณ์ วัฒนธรรม นี่คือแผ่นดินไทย จะมาจากไหนไม่รู้

มีการเปรียบเทียบรัฐบาลเป็นเรือเหล็ก - เรือรั่วยืนยันว่าไม่รั่วถ้าทุกคนช่วยกันแจวเรือ ไม่ใช่ช่วยกันเจาะ หากไม่ช่วยก็ขออย่าเอาเท้ารานํ้า เรือลำนี้สามารถพาทุกคนเดินหน้าได้ ผมเป็นทหารเก่าจะเดินหน้าสู่ความสำเร็จ ต้องมีเป้าหมายต้องกำหนดพื้นที่เข้าตี ไม่ต่างจากการทำงานในปัจจุบัน

ประเทศเราคนมีรอยยิ้ม วัฒนธรรมงดงาม เป็นจุดขาย แต่ทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบ ไม่ขัดแย้งถึงจะแก้ปัญหาได้ หลายอย่างมีบทเรียนก็อย่าให้เกิดขึ้นอีก ยืนยันว่า ไม่มีการเลือกปฏิบัติ และไม่เคยบ่นว่าเหนื่อย 5 ปีที่ผ่านมา ทำงานมากพอสมควร หลายคนไม่ทราบเพราะการนำเสนอไม่มีคุณภาพ นำเสนอแต่การตอบโต้ เรื่องเป็นทางการมากๆ คนไม่อยากฟัง คนอ่านหนังสือน้อย ตัดสินใจเร็ว บนพื้นฐานข้อมูลไม่เพียงพอ จึงต้องสอนให้รู้จักคิดวิเคราะห์ถึงจะวิจารณ์เรื่องต่างๆ ได้ ไม่เช่นนั้นก็พูดกันไปมา หาข้อยุติไม่ได้ ซึ่งก็เป็นห่วง

 

‘บิ๊กตู่’ ลั่นเรือเหล็กไม่รั่ว  ขออย่าเอาเท้ารานํ้า

 

อย่างไรก็ดี ไม่ปฏิเสธว่า ตนเองนั้นก็ฟังโซเชียลเหมือนกัน แต่ฟังเพื่อเป็นข้อมูลใช้เชื่อมต่อกับประชาชน ขณะเดียวกันก็อ่านหนังสือพิมพ์หลายฉบับด้วย พบว่า หน้าหนึ่งตีข่าวทุกเล่ม ซึ่งจะกระทบกับเศรษฐกิจไปด้วย คนก็กลัวไม่กล้าใช้จ่าย ดังนั้นความสงบเรียบร้อย ความมีเสถียรภาพของบ้านเมืองเป็นเรื่องสำคัญ

ยืนยันว่า ตนเองรักประเทศและต้องการทำประโยชน์ให้ประเทศ ไม่ได้ต้องการอำนาจและผลประโยชน์ เพราะอยู่ในกองทัพมา 40 ปี


 

 

แล้วจะบ้าอำนาจไปถึงไหน อย่ามองว่าอำนาจเปลี่ยนมือหรือรักษาอำนาจ จะใช้ .44 หรือ .88 ตนเองไม่ได้ผลประโยชน์อะไร มีแต่คดีเป็นร้อยๆ คดี เป็นการใช้อำนาจในฐานะหัวหน้า คสช.เพื่อแก้เรื่องที่ติดขัด ไม่ได้เอาไปทำร้ายใคร ทราบดีว่าทุกคนอยากได้ไม่เหมือนกัน ขอให้รัฐบาลทำตามสัญญา แต่ตนต้องตัดสินใจจะให้มากหรือน้อยแค่ไหนด้วยความเข้าใจและสร้างความเข้มแข็งไปด้วยกัน

คนไทยชอบอะไรสบายๆ ไม่ชอบกฎระเบียบมาบังคับ บอกมีรัฐธรรมนูญฉบับเดียวพอ แล้วกฎหมายลูกหลายฉบับไปอยู่ไหน รัฐธรรมนูญ คือ รัฐธรรมนูญ กฎหมายลูกก็เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ อย่าไปทะเลาะเรื่องรัฐธรรมนูญให้มากนัก วันนี้เรามีโอกาสอยู่ ถ้าไม่ถอยหลังมาที่เก่า ต่างประเทศก็บอกแบบนี้เพราะเขามีไม่เท่าเรา

ดังนั้น อย่าทำโอกาสให้เป็นวิกฤติ เราต้องไว้เนื้อเชื่อใจกัน ถ้าช่วยกันขับเคลื่อนก็ไปได้หมด ไม่ใช่ไปลงถนนเต็มไปหมด ไม่ได้บ่น เดี๋ยวหาว่า น้อยใจ ใจน้อย รบไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าทำไม่ดีก็ด่าอีก

พูดได้เต็มปาก ผมไม่เคยเรียกร้องอะไรใครผมพอแล้ว ทุกอย่างถูกจับ ตามอง เนกไทแพงก็ไม่ได้ ต้องปอนๆ วันหน้าไปต่างประเทศใช้ผ้าขาวม้าอย่างเดียว มันก็ไม่ใช่ วันนี้ผมพูดจากใจแบบนักปฏิบัติที่เผชิญปัญหาทุกวัน

 

เสียงปริ่มนํ้ามีเสถียรภาพ

วงเสวนา 2 ขุนพลของรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลเสียงปริ่มนํ้ามีเสถียรภาพและไม่มีปัญหาในการทำงานร่วมกันแต่อย่างใด

นายจุรินทร์ ระบุว่า เสถียรภาพของรัฐบาลขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก ประการแรก คือ ในระบบรัฐสภา ถ้ารัฐบาลมีเสียงข้างมากก็อนุมานแบบคณิตศาสตร์การเมืองได้ว่า จะมีเสถียรภาพทางการเมืองมาก แต่ก็อาจไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะเคยมีรัฐบาลเสียงล้นสภาแต่ก็ต้องยุบสภา หรือสุดท้ายก็ต้องลาออกไปก็เคยมีมาแล้ว

 

‘บิ๊กตู่’ ลั่นเรือเหล็กไม่รั่ว  ขออย่าเอาเท้ารานํ้า

 

ถ้าเสียงปริ่มนํ้าเสถียรภาพทางการเมืองก็อาจดูใจหายใจควํ่าได้ แต่สุดท้ายเชื่อว่าไม่ได้อยู่ที่คณิตศาสตร์ทางการเมือง หรือปริมาณเสียงในสภาอย่างเดียว สิ่งสำคัญต้องอยู่ที่ผลงาน การทำงานของรัฐบาล ถ้ารัฐบาลนี้สามารถสร้างผลงานให้ปรากฏเห็นเป็นรูปธรรม ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รัฐบาลก็จะมีเสถียรภาพที่มั่นคงขึ้น

เสียงปริ่มนํ้าก็จะกลายเป็นปัจจัยรอง เพราะจะได้รับการสนับสนุนจากประชาชน คนไทยทั้งประเทศที่อยากให้รัฐบาลอยู่ต่อไป เพราะสามารถทำงานทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับบ้านเมืองได้ ซึ่งทั้ง 2 ข้อต้องไปด้วยกัน

สอดรับกับความเห็นของ นายอุตตม ที่ระบุว่า เสถียรภาพของรัฐบาลนั้นขึ้นอยู่กับสายตาของประชาชนที่มองว่า รัฐบาลทำอะไรให้กับประชาชน และรัฐบาลทำการเมืองอย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ การทำงานร่วมกันมันสะท้อนออกมาให้ประชาชนเห็นว่า รัฐบาลนี้มีความมั่นคง จะมีเสถียรภาพ ไม่ง่อนแง่นและเป็นรัฐบาลที่พึ่งได้ มีความหวังว่าจะแก้ปัญหาและจะขับเคลื่อนปรับเปลี่ยนการปฏิรูปประเทศได้

เพราะฉะนั้น จะมีเสถียร ภาพหรือไม่ ประชาชนเป็นผู้ ตัดสิน การเมืองก็คือ การเมือง แต่ถ้าเราทำงาน แล้วมีผลงานออกมา ทำงานเข้าขากัน แม้ว่าอาจจะมีเรื่องนั้นบ้างเรื่องนี้บ้าง เราก็ไปกันได้ เสถียรภาพก็มี วันนี้ผมเชื่อว่าเรามี

ขณะที่การทำงานร่วมกันนั้น มีการแชร์เป้าหมายซึ่งเป็นเป้าหมายเดียวกันให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ มีเวทีที่จะหารือกันโดยท่านนายกฯ นั่งเป็น ประธาน ครม.เศรษฐกิจ มีรองนายกฯ ผมและท่านอื่นๆ นั่งอยู่ ยืนยันได้ว่า เราทำงานด้วยกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ ทุกคนมีความรับผิดชอบของตัวเองแต่เราทำงานในทิศทางเดียวกัน เราเห็นโจทย์เดียวกัน ทำหน้าที่ของตัวเองซึ่งเป็นข้อเท็จจริง ขอยืนยันเช่นเดียวกับที่ได้ยืนยันในสภาเมื่อวันไปตอบกระทู้สดแทนท่านนายกฯเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจว่า ไม่มีทะเลาะกันในครม.เศรษฐกิจ

นายจุรินทร์ ยืนยันว่า ทำงานด้วยกันมา 4-5 เดือน ทุกคนทราบหน้าที่แม้ว่าจะต้องแบ่งกระทรวงกันซึ่งเป็นเรื่องปกติของรัฐบาลผสม ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย อย่ากังวลว่า ถ้าเป็นรัฐบาลผสมแล้วจะต้องมีปัญหา การบริหารจัดการระบบรัฐบาลผสมก็มีวิธีการอยู่ ซึ่งก็ไม่มีปัญหาในการทำงานร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพราะทุกคนรู้เป้าหมายและทำให้ดีที่สุดเพื่อเดินไปสู่จุดหมายปลายทางเดียวกัน ซึ่งคนที่ได้ประโยชน์สูงสุด คือ ประเทศและประชาชน

 

หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,533 วันที่ 22-25 ธันวาคม 2562